ทักษะของการรู้จัก “เลือกที่จะไม่ทำ”

By : Anon Pairot


ทำไม การรู้จัก “หยุด”
รู้จัก “ที่จะไม่ทำ” ในบางสิ่ง
จึงเป็นทักษะที่ ผมมองว่าสำคัญ ?
แล้ว มันเป็นทักษะ ได้เลยรึ ?
.
วันนี้เราอยู่ในโลกที่เทคโนโลยีและวิทยาการต่างๆ มากมายอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด ดูเหมือนการเจริญเติบโตก้าวหน้าของความล้ำสมัยในการสื่อสาร วันนี้ ทำให้เราดูทำอะไรก็ดูไม่ทันท่วงที และช้าไปทุกขณะ อาจเพราะในทุกๆ วินาที เรามีข้อมูลใหม่ๆ สมมุติฐานใหม่ๆ รวมไปถึงความคิดและความรู้ใหม่ๆ จากคนทั้งโลกเกิดขึ้นให้รับรู้ และแพร่กระจายส่งถึงกันอย่างรวดเร็วมากขึ้น
.
ในทุกขณะทุกเวลาที่เร่งรีบ ก็ยิ่งทำให้เราต้องทำอะไรมากมายในเวลาเดียวกัน ต้องขับรถไปโทรศัพท์ไปฟังข่าวในวิทยุไป โอนเงินออนไลน์ เชคราคาหุ้น ขุดบิทคอย สั่งคลีนฟู้ดมื้อต่อไป เผลอๆ หลายคนอาจจะทานข้าวเช้าไปด้วย ซ้อมการพรีเซนต์งาน และคิดสเตตัสคูลๆ ทาง Facebook ไปด้วยอีกต่างหาก จนดูเหมือนว่าเราจะต้องหัดทำอะไรหลายหลายอย่างในเวลาเดียวกันจนกลายเป็นวิถีชีวิตและเป็นทักษะที่สำคัญไปแล้วในตอนนี้ โลกอินเตอร์เนต ที่เบ่งบาน เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารมากมายซึ่งเปิดโอกาสให้กับหลายๆ คนได้เข้าถึง สิ่งใหม่ๆ ที่อัพเดทสุดๆ ในทุกๆ วันได้ในทุกเสี้ยววินาที คำถามของอานนท์ก็คือ แล้วเราต้องพัฒนาตนเองให้มีทักษะอะไรเพิ่มอีกล่ะในโลกทุกวันนี้ แน่นอนโลกอินเทอร์เน็ตเปิดกว้างจนใครที่เห็นโอกาสใหม่ๆ ก่อนใคร เพื่อนๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ลองคว้าโอกาสนั้นได้ทันท่วงที จนทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจว่านี่คือวัฒนธรรมร่วมสมัยของการรู้จักให้โอกาสตนเอง หรือการฉวยโอกาส ที่หลายคนยังเข้าไม่ถึงกันแน่
.
จนผมเองก็อดคิดไม่ได้ว่า “นี่เราต้องรู้จักพัฒนาตนเอง รู้จักเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในทุกวันไปจนแก่เลยรึเปล่านี่? ถ้าไม่อยากตกเทรนด์ ตกยุคสมัย” คุณก็คิดใช่มั้ย
.
อืม…. ผมแอบคิดว่า “มันก็อาจไม่จริงเสมอไปนะ ?”
.
การตั้งเป้าทำอะไรต่างๆ ได้มากมาย อาจไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นจะดี มีคุณภาพ คนที่พูดเก่งก็ไม่ได้หมายความว่าเขาฉลาด คนที่สามารถพูดได้ 10 ภาษาก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นนักเจรจาที่เก่ง คนที่ทำอาหารได้หลากหลายเมนูก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนทำอาหารอร่อย คนที่ร้องเพลงได้หลากหลายสไตล์ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จ คนที่เดินทางไปเที่ยวรอบโลกมากมายก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะเข้าใจโลกอย่างถ่องแท้
.
ในตอนเด็กของผมนั้นมีความฝันที่จะทำอะไรหลายสิ่งอย่าง….
อยากจะเป็นนักฟุตบอล ก็หัดไปซ้อมเตะไปโรงเรียนสอนฟุตบอลเป็นกิจลักษณะ
อยากเป็นนักดนตรีก็ไปแอบฟูมฟักลักจำกับเจ้าของห้องซ้อมดนตรี
แล้วก็อยากเป็นนักบินเพราะว่าแต่งตัวเท่ห์ดี
อยากเป็นเชฟเพราะจะได้ช่วยแม่ทำกับข้าวได้
อยากเก่งคอมพิวเตอร์ก็เลยไปโรงเรียนคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์บีบีซี
อยากเก่งภาษาอังกฤษก็ลงเรียนพิเศษภาษาอังกฤษอีก
อยากเป็นวิศวกร ประดิษฐ์ของล้ำยุค ตอนเด็กๆ ก็เลยไปหมกตัวอยู่ในอู่รถยนต์แถวบ้าน
อยากเป็นสัตวแพทย์ตอนเด็กเด็กโตมากับแมว และคิดว่าตัวเองมีความเข้าใจเกี่ยวกับแมวสูงมาก (ซึ่งมันไม่จริง)
และแน่นอน ยังมีอีกหลายสิ่งอย่าง…
.
แต่พอโตขึ้นมาหน่อยสิครับ ผมก็ได้เริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าบางอย่างมันอาจจะไม่เหมาะกับผมในหลายๆ ปัจจัย ที่ได้เติบโตขึ้นมา ผมไม่ได้คิดว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้น เป็นการล้มเหลวหรือการไม่ประสบความสำเร็จที่จะไม่ได้เดินตามความฝันนั้นต่อ แต่ผมกลับคิดว่า “นี่แหละคือทักษะอย่างหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้” เราเรียนรู้สิ่งต่างๆ นั้นถึงจุดหนึ่ง และเริ่มเกิดเข้าใจในบางอย่างที่ไม่เหมาะกับตัวเรา หรือไม่เหมาะที่จะทำต่อไป การเลือกที่จะ “ไม่ทำ” เลือก “หยุด” ที่ในหลายๆ อย่างที่ไม่เวิรค์ ออกไปจากชีวิต มันต้องใช้สติปัญญาและวิจารณญานอย่างสูง ในการเลือกที่จะ “ไม่ปฏิบัติ” สิ่งนั้นต่อให้เกิดความเสียหายต่อตนเองและผู้อื่น
.
เราคงไม่ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักโทษของยาเสพติดต่างๆ เพื่อจะเข้าใจข้อดีข้อเสียของมัน ด้วยการหัดที่จะเสพยาเสพติดเองเลย
เราไม่ต้องเรียนรู้ที่จะฆาตกรรมใคร เผื่อจะเข้าใจความรุนแรงของอาวุธ
เราไม่ต้องคิดที่จะหัดขับรถให้เร็วที่สุด ซิ่งที่สุด เพื่อจะมีทักษะ การเอาตัวรอดจากสภาวะรถติดในกรุงเทพเราไม่ต้องหัดที่จะหาวิธีให้ตนเองมีชื่อเสียงจากเรื่องที่ผิดทำนองคลองธรรม หรือการแหกกฎศีลธรรมที่สังคมเลื่อมใส
.
ทุกวันนี้บนแผงหนังสือบน YouTube Facebook หรือรายการทีวีต่างๆ คุณจะพบเคล็ดลับตำรามากมายที่จะมาสอนทักษะ หรือวิธีการพัฒนาตัวคุณเองให้ประสบสำเร็จในหลากหลายเรื่องเต็มไปหมด ถ้าคุณเป็นคนใฝ่รู้ และรักการพัฒนาตนเอง ก็คงอยากลองเรียนรู้ไปหมดทุกอย่าง แล้วสิ่งไหนล่ะที่เหมาะและไม่เหมาะกับคุณ เนี่ยล่ะคือสิ่งสำคัญที่ผมอยากจะบอกว่า “การรู้จักเลือกที่จะหัดทำอะไรและเลือกที่จะปฏิเสธในการไม่ทำอะไร” เป็นความสามารถของการหัดวิเคราะห์ศักยภาพตนเองที่สำคัญเอามากๆ ในวันนี้ และเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะไม่คิดว่าเป็นทักษะด้วยซ้ำไป
.
ความสามารถด้านนี้ อาจเรียกรวมไปถึง ความสามารถที่จะมีวิจารณญานในสิ่งต่างๆ ที่วิ่งเข้ามารอบตัวเรา
ความสามารถของการคิดสังเคราะห์ แยกแยก สิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล สิ่งที่มีความสัมพันธ์ที่ลงตัว การเข้าพวก ไม่เข้าพวก
ความสามารถด้านการวิเคราะห์ถึงมิติต่างๆ ที่อาจไม่ปรากฎให้เราเห็นด้วยตาขณะนั้น แต่มองทะลุถึงความเป็นมาเป็นไปได้ และรวมไปถึง ความสามารถในการมองเห็นเหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ทั้งระยะใกล้และระยะไกลได้ ฟังดูยากใช่มั้ยครับ?
.
จะพูดว่า “ง่าย” ก็ได้ ก็คือรู้จักเลือก และมีวิสัยทัศน์ในการเลือกอย่างจริงจังมากขึ้น
หรือจะบอกว่า “ยาก”ก็ได้ ก็คือการฝึกที่จะมี ญาน ปัญญาที่ลึกซึ้งในหลากหลายมิติ และละเอียดถี่ถ้วนมากๆ ในการตัดสินใจ กระทำและไม่กระทำอะไร ที่เป็นเหตุเป็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความสามารถนี้ มันพัฒนาขึ้นเอง ตามสัญชาติญาณการเติบโตของมนุษย์เรา
.
คนที่แก่ประสบการณ์ กับเด็กวัยรุ่น อาจทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ว่าคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็จะมีสติปัญญา ในการหักห้ามใจต่อสิ่งยั่วยุ และสิ่งที่ยังรับผิดชอบผลของการกระทำนั้นได้ดีกว่าเด็กวัยรุ่นใจร้อน วัยที่มีพลังงานเรียนรู้ เลียนแบบอย่างสูง ความเป็นผู้ใหญ่ที่เราหมายถึง อาจคือ ภาวะของการมีวิจารณญาน หรือบรรลุนิติภาวะก็เป็นได้ (ซึ่งเราสามารถเห็นได้ไม่ยากจากข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ ที่ผู้ใหญ่หลายๆคน ก็โตแต่ตัว แต่ขาดการยั้งคิดชั่งใจ และเด็กหลายๆ คนวันนี้ กลับมีความคิดความอ่าน ที่ดีกว่าผู้ใหญ่หลายคนด้วยซ้ำไป
อาจพูดได้ว่า “ชั่วโมงการบิน” ของการเรียนรู้ความผิดพลาดในสิ่งต่างๆ ของชีวิตเรา ก็เป็นวัตถุดิบอันดี ที่จะทำให้การฝึกฝนทักษะ ของการหักห้ามใจ หรือ การหลีกเลี่ยงการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดผลดีระยะยาวนั้น ชั่วโมงของการมีประสบการณ์ชีวิตนั้น ทำให้เรามีความสามารถด้านนี้อย่างดี แต่ไม่ได้หมายความว่า “การเป็นมนุษย์ขวางโลก Say No ในทุกสิ่งทุกอย่างในความใหม่ ความล้ำสมัย จะหมายความว่า เขามีทักษะด้านนี้ดี” การรู้จักเลือกแบบมีชั้นเชิงนั้น คือ แก่นความสำคัญมากกว่า และเมื่อการฝึกฝนทักษะด้านนี้มีคุณภาพมากขึ้นร่วมกันในสังคม ก็จะเกิดและกลายเป็น “จิตสำนึก จิตสาธราณะ” ขึ้นโดยอัตโนมัติทันที

เราสามารถ เลือกที่ไม่ทิ้งขยะมั่วซั่ว ให้บ้านเมืองสกปรก
เลือกที่ไม่แซงคิวกัน โดยไม่ต้องมีใครสั่ง
เลือกที่จะไม่เรียกแท็กซี่ในจุดที่สร้างปัญหารถติด
เลือกที่จะไม่มักง่าย สะดวกตนเองแล้วสร้างปัญหาให้คนอื่น
เลือกที่จะไม่ฝืนขับรถในขณะมึนเมาหรือง่วงซึม เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อผู้อื่นได้
เลือกที่จะไม่มักง่าย ไม่เห็นแก่ตัว
.
แม้จะไม่มีใครเห็น ก็จะไม่แอบทำ
การเลือกที่จะไม่ทำสิ่งผิด
เลือกไม่ทำ สิ่งที่ไม่ work
เป็นความสามารถที่สำคัญมากๆ ในโลกร่วมสมัยวันนี้

 

Reviews

Comment as: