อีลอน มัสค์ กับความเป็นคนสุดขั้ว

By : Jitsupa Chin


เหตุการณ์ทีมฟุตบอลหมูป่าพร้อมโค้ชทั้งหมด 13 ชีวิตติดอยู่ภายในถ้ำหลวงนอกจากจะมีองค์ประกอบครบทุกรสชาติจนกลายเป็นเรื่องราวที่ดึงดูดความสนใจได้จากคนทั่วโลกไปอย่างไม่คาดฝันแล้ว ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่นำชื่อเสียงของตัวเองมาผูกเข้ากับเหตุการณ์นี้จนได้ทั้งเกิดและดับไปกับตอนจบของเรื่อง หนึ่งในชื่อที่คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่คุ้นหูมาก่อน แต่ได้มาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันทั่วประเทศ ก็คือชื่อของอีลอน มัสค์ มหาเศรษฐีในวงการเทคโนโลยี ผู้ซึ่งถูกนำไปเปรียบเทียบกับซูเปอร์ฮีโร่อย่างไอรอนแมนนั่นเอง
.
อีลอน มัสค์ ตอบรับคนในทวิตเตอร์ที่ขอให้เขาช่วยนำเด็กๆ และโค้ชออกมาจากถ้ำก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ไม่มีใครคาดคิดว่านอกจากการให้ไอเดียและจัดสรรทรัพยากรพร้อมทีมนักวิศวกรให้รีบบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาโดยด่วนแล้ว ตัวเขาเองก็ยังเดินทางมาด้วยตัวเองแบบลับๆ (แต่สุดท้ายก็ไม่ลับเพราะยังมีคนแอบถ่ายภาพมาแชร์บนโซเชียลมีเดียอีกจนได้) เรื่องราวหลังจากนั้นค่อนข้างชุลมุนสักเล็กน้อย ทุกคนได้รับการช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย เรือดำน้ำของอีลอนไม่ได้ถูกนำมาใช้ในภารกิจการช่วยชีวิต และเมื่อถูกอดีตผู้ว่าฯ กับทีมงานกู้ภัยชาวต่างชาติกล่าวถึงถึงข้อจำกัดของเรือดำน้ำว่าไม่สามารถนำมาใช้จริงได้ อีลอนก็ไม่พอใจฟาดงวงฟาดงาลั่นทวิตเตอร์จนกลายเป็นการหักมุมตอนจบของละครเรื่องนี้ที่มีเขาเป็นหนึ่งในฮีโร่นักช่วยชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
.
ไม่ว่าอีลอน มัสค์ จะเข้ามาร่วมในโปรเจ็กต์นี้เพียงเพื่อต้องการสร้างชื่อเสียงของเขาที่ดังอยู่แล้วให้กระหึ่มยิ่งกว่าเก่าหรือเปล่า หรือเขาเป็นคนที่มีอีโก้สูงจนไม่สามารถแตะต้องได้หรือไม่ คำตอบที่ได้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่าอีลอนเป็นคนที่มีความพิเศษ มีบุคลิกโดดเด่น และความคิดที่ไม่เหมือนใครอยู่ดี ความลุ่มหลงในการสำรวจอวกาศและไอเดียสดใหม่ที่หวังพลิกโฉมวงการยวดยานพาหนะของเขาเป็นแรงบันดาลใจชั้นยอดให้เราหัดคิดนอกกรอบและกล้าทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
.
คำถามที่น่าสนใจที่จะถามต่อก็คือ แล้วถ้าเราอยากเป็นอย่างอีลอน มัสค์ บ้าง เราต้องทำอย่างไร และการจะประสบความสำเร็จแบบนี้ได้จะต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง
.
เมื่อเร็วๆ นี้มีการตั้งประเด็นถามคำถามข้อนี้บนเว็บไซต์ Quora โดยเจ้าของกระทู้ถามว่า “เราต้องทำอย่างไรจึงจะยิ่งใหญ่ได้เหมือนบิลล์ เกตส์ สตีฟ จอบส์ อีลอน มัสค์ หรือ เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน” มีคนเข้ามาตอบมากกว่าหนึ่งร้อยคอมเมนท์ แต่คอมเมนท์ที่ได้รับความสนใจที่สุดและการันตีว่าเจ้าของคอมเมนท์มีข้อมูลวงในจริง ก็คือคำตอบของ จัสติน มัสค์ อดีตภรรยาของอีลอน มัสค์ นั่นเอง
.
ถ้าจะมีใครที่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดอีลอนถึงได้เป็นอีลอนอย่างทุกวันนี้ และการเป็นคนอย่างอีลอนหมายความว่าอะไร คนๆ นี้ก็น่าจะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือพอให้เราลองเปิดใจฟังจริงไหมคะ
.
จัสติน มัสค์ หรือชื่อเดิม เจนนิเฟอร์ จัสติน วิลสัน เป็นนักเขียนชาวแคนาดาและเป็นภรรยาคนแรกของมัสค์ ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2000 และแยกทางกันกันแปดปีให้หลัง มีลูกด้วยกันทั้งหมดห้าคนเป็นลูกชายล้วนซึ่งทั้งคู่ยังคงมีสิทธิในการเลี้ยงดูลูกร่วมกัน
.
จัสตินเขียนตอบในกระทู้ค่อนข้าวยาว แต่สรุปใจความสำคัญก็คือ ความสำเร็จสุดขั้วเป็นผลมาจากการมีบุคลิกที่สุดขั้วและมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่ายมากมาย คนเหล่านี้คิดไม่เหมือนคนอื่น และมองทุกอย่างจากมุมที่ปลดล็อกไอเดียใหม่ๆ ซึ่งก็ทำให้คนรอบตัวมองว่าคนพวกนี้คือคนบ้า
.
เธอบอกว่าการจะประสบความสำเร็จสุดขั้วได้นั้น สิ่งสำคัญคือจะต้อง “Be obsessed” หรือ “จงหมกมุ่น” จัสตินบอกว่าถ้าหากเรารู้ตัวว่าตัวเองไม่หมกมุ่นเมื่อไหร่ ก็ให้หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่และไปหาสิ่งที่หมกมุ่นให้เจอให้ได้ การมีอีโก้ หรือ อัตตา นั้นก็ช่วยอยู่เหมือนกัน แต่จะต้องมีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเพื่อที่สักวันหนึ่งเราจะไม่หลงไปกับการที่คนรอบตัวมาพร่ำบอกว่าเราเจ๋งแค่ไหนทั้งที่เราไม่เจ๋ง หรือของเราดีแค่ไหนทั้งที่มันไม่ได้ดีอะไรเลย จัสตินเตือนว่าอย่าวิ่งตามอะไรบางอย่างเพียงเพราะเรา “อยากยิ่งใหญ่” แต่ให้วิ่งตามอะไรบางอย่างเพราะว่ามันคือสิ่งที่ทำให้เราหลงใหล บรรดาคนที่สุดขั้วทั้งหลายจะนำเอาความฉลาดปราดเปรื่องและพรสวรรค์ของตัวเองมารวมเข้ากับหลักการการทำงานที่ “เสียสติ” ดังนั้น ถ้าหากตัวงานที่ทำไม่น่าหมกมุ่นเพียงพอที่จะขับเคลื่อนเราไปข้างหน้าได้ ไฟในตัวก็จะมอดและดับลงจนถูกคู่แข่งบดขยี้ในที่สุด
.
เมื่อหาสิ่งที่เราจะหมกมุ่นไปกับมันได้แล้ว ก็ให้หมกมุ่นไปอย่างนั้นจนพบปัญหา ปัญหานั้นจะต้องใหญ่พอที่จะกระทบคนจำนวนมาก ซึ่งเราจะต้องหาทางแก้มันให้ได้ หรือมิเช่นนั้นก็จะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ปัญหาที่ว่าอาจจะใช้เวลาแก้นานหลายปี ดังนั้น ถ้าหากเรามีพลังและความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมาก หากไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพันธุกรรมแบบพระเจ้า ก็จงไปฟิตร่างกายให้แข็งแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญปัญหาน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนที่จะถาโถมเข้ามา เมื่อร่างกายแข็งแรง จิตใจก็จะแข็งแรงไปด้วย คนสุดขั้วเขาทำกันแบบนี้
.
สิ่งที่ย้อนแย้งกับคำถามที่บอกว่าทำอย่างไรจึงจะเก่งเหมือนอีลอน คือคำตอบที่จัสตินบอกว่าจะต้องไม่ไปเลียนแบบไอดอลหน้าไหนทั้งนั้น เพราะการจะประสบความสำเร็จสุดขั้วได้นั้นมันไม่เหมือนกับความสำเร็จแบบอื่นๆ ที่มีรอยเท้าให้เดินตามได้ อย่ากลัวความล้มเหลว หรือถ้าเกิดกลัวขึ้นมาก็จงเดินหน้าต่ออยู่ดี คนที่สุดขั้วนั้นแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความอับอายต่อหน้าสาธารณชนอย่างไร พวกเขาก็จะหาทางเปลี่ยนวิธีมองความล้มเหลวนั้นใหม่จนมันไม่ใช่ความล้มเหลวอีกต่อไป และท้ายที่สุดก็จะได้บทเรียนจากความล้มเหลวนั้นๆ ในแบบที่คนธรรมดาไม่มีทางทำได้เลย
.
ตบท้ายด้วยอีกคำแนะนำที่น่าสนใจมาก จัสตินบอกว่า คนสุดขั้วจะไม่มานั่งอ่านกระทู้คำถามคำตอบว่าทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จบนอินเทอร์เน็ตแบบนี้เลยเพราะมันเสียเวลามาก (ฉึก!) แต่คนกลุ่มนี้ จะมุ่งตรงไปหาหนังสือ อาจจะเป็นหนังสือชีวประวัติของผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยก่อน คนสุดขั้วจะไม่เสียเวลานั่งท่องเว็บเพราะคนกลุ่มนี้มองว่าเวลาของตัวเองมีค่ายิ่งนัก พวกเขามองเห็นค่าของเวลาตั้งแต่ตอนที่ตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จสุดขั้วเสียด้วยซ้ำ
.
นั่นแหละค่ะ ความลับที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จสุดขั้วของคนสุดขั้วอย่างอีลอน มัสค์ แม้ว่าจัสตินจะอธิบายไว้ค่อนข้างยาวแต่ท้ายที่สุดคีย์เวิร์ดของทั้งหมดน่าจะอยู่ที่คำว่า “หมกมุ่น” นั่นแหละ สำหรับคนธรรมดาการลุ่มหลงอะไรบางอย่างก็น่าจะเพียงพอที่จะขับเคลื่อนให้ชีวิตเรามุ่งหน้าไปในเส้นทางของความสำเร็จได้แล้ว แต่หากต้องยกระดับความสำเร็จนั้นไปอีกขั้น แค่ความลุ่มหลงเฉยๆ ดูจะไม่พอ แต่จะต้องลุ่มหลงจนถึงขั้นหมกมุ่น เมื่อหมกมุ่นแล้วทั้งหมดที่เหลือก็จะคลี่คลายไปตามวิถีของมันเรื่อยๆ เราหมกมุ่นเมื่อไหร่ก็จะทำทุกอย่างให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการ ไม่กลัวความล้มเหลวระหว่างทาง ไม่กลัวการอับอายขายหน้า ไม่ยอมให้อะไรมาทำให้ไขว้เขว และจะไม่เสียเวลาไปกับอะไรทั้งนั้น
.
แต่อย่าลืมนะคะ สำคัญที่สุดคือการถามตัวเองตั้งแต่แรกเริ่มว่าความสำเร็จสุดขั้วใช่สิ่งที่เราต้องการจริงหรือเปล่า

เครดิตภาพประกอบ Flickr/ Heisenberg Media

 

Reviews

Comment as: