ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและความวุ่นวายทั้งจากสังคมและภายในจิตใจของตัวเอง จะเห็นได้ว่าคนรุ่นใหม่เริ่มกลับไปสนใจเรื่องความเชื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจกันอีกครั้ง รายงานจากพิวกล่าวว่า วัยรุ่นชาวอเมริกันกว่า 37% นั้น กำหนดความเชื่อให้กับตัวเอง (แต่ไม่ใช่ศาสนา) เป็นความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการทำให้สภาพจิตใจแข็งแรง จนทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสมดุลของร่างกายและจิตใจในสหรัฐฯ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 4 หมื่นล้านเหรียญฯ

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระแสเครื่องประดับที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อโชคลางในเมืองไทย เป็นเหมือนสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่า ความเชื่อถูกปรับรูปแบบใหม่ให้เข้าถึงได้ง่ายและดูโมเดิร์นมากขึ้น ด้วยเครื่องรางนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เหมาะสมกับผู้สวมใส่แต่ละคน

Wang Lei ผู้จำหน่ายเครื่องรางในปักกิ่งกล่าว่า “คนที่ใส่เครื่องรางหลายคนบอกว่า ใส่แล้วชีวิตเปลี่ยนจริงๆ มีโชคดีเกิดขึ้นจริง ส่วนตัวฉันเชื่อว่า 50% ของคนที่ซื้อไปไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่มองว่าเป็นเรื่องของแฟชั่นด้วย”

ไม่ใช่แค่เพียงวัฒนธรรมที่ผูกพันกับความเชื่อจากตะวันออกเท่านั้น แต่สำหรับตะวันตกแล้ว แหวนปรับตามอารมณ์ที่เคยฮิตในระหว่างช่วง 1970s-1990s ก็กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง แต่คราวนี้อยู่ในตลาดลักซ์ชัวรี่มากกว่า ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Love Adorned ขายสร้อยคอเงินประดับทับทิม ที่จะช่วยปกป้องอันตรายให้ผู้สวมใส่ จำหน่ายในราคา 660 เหรียญ (ราว 23,100 บาทไทย)

หรือการออกแบบข้าวของเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อในลักษณะที่ดูทันสมัยมากขึ้น เช่น ตี่จูเอี้ยจากแบรนด์สัญชาติไทย Hoog ที่ลดทอนรายละเอียด เหลือเพียงรูปทรงที่สวยงาม เหมาะสำหรับจัดวางในบ้านร่วมสมัย หรือการที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับพระพยอม กัลยาโณ จัดทำ “พระรอด 2.0” หรือ “Speed Limit Monk Statue” พระรอดยุคใหม่ที่มีเทคโนโลยี GPS Tracker และ Speed Detector ที่จะช่วยเตือนสติคนขับให้รอดจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้จริง

นอกจากนี้ ยังเกิดปรากฏการณ์การรวมตัวกันของกลุ่มคนที่มีความเชื่อเดียวกัน เช่น The Big Quiet การรวมตัวกันเพื่อมานั่งสมาธิร่วมกันในเซนทรัล พาร์ค เมืองนิวยอร์ก จากคนหลายศาสนา เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างทางสังคมในการเข้าถึงจิตใจที่เป็นสุขและอารมณ์ที่สมดุล

หรือการเกิดขึ้นของแอพพลิเคชั่นที่ฮิตมากๆ อย่าง Headspace ที่นิยามตัวเองไว้ว่าเป็น “ยิมออกกำลังกายสำหรับสุขภาพใจ” ใช้งานง่าย มีคำแนะนำในการนั่งสมาธิตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นสูง

เทรนด์การผสมผสานความเชื่อเข้ากับไลฟสไตล์ใหม่นี้ยังรวมไปถึง เรื่องของอาหารการกินและไลฟสไตล์ครบวงจร ตัวอย่างจาก Moon Juice ร้านที่เล่นแร่แปรธาตุเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของร่างกาย ความสวยงาม และสติสัมปชัญญะ ก่อตั้งโดย เชฟและผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟสไตล์ที่ยั่งยืน Amanda Chantal Bacon เปิดร้านขายอาหารเป็นยา พร้อมเปิดตัวเมนู Moon Dusts ผงสำหรับเติมลงในเครื่องดื่มปกติ อย่างกาแฟ ชา นม น้ำ หรือสมูทตี้ โดยมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูในด้านต่างๆ ทั้งจิตใจ ความสวยงาม สมอง ความฝัน นอกจากนี้ยังมีขนมและการแจกสูตรอาหารเพื่อสุขภาพให้ได้ไปลองทำตามเองอีกด้วย