Japan 5.0 (ตอนจบ)

By : Jakkrit Siririn


Japan 5.0 หรือ Society 5.0 เกิดขึ้นจากการทีรัฐบาลญี่ปุ่นชุดปัจจุบัน มองว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการพัฒนาประเทศในศตวรรษที่ 21 คือการแก้ปัญหาทางสังคม โดยมองข้ามประเด็นการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีไปแล้ว เพราะสำหรับญี่ปุ่นยุคใหม่ ความท้าทายใหญ่ๆ ก็คือจำนวนประชากรที่ลดลง บวกกับผู้สูงวัยที่เพิ่มจำนวนขึ้นถึง 10 ล้านคน

เมื่อประชากรลดลง ญี่ปุ่นจึงมองไปที่เทคโนโลยี Robotics และ IoT มาทดแทนกำลังคนในวัยทำงาน ประกอบกับการก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยสมบูรณ์แบบ 100% อีกทั้งสัดส่วนของประชากรเพศหญิงในระบบเศรษฐกิจที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น การสร้างงานและสร้างอาชีพใหม่ๆ ให้ ส.ว.และกลุ่มสุภาพสตรีรุ่นใหม่จึงมีความสำคัญในสายตารัฐบาลญี่ปุ่น

อีกประเด็นหนึ่งซึ่งเป็น Indicator ที่สำคัญสำหรับ Japan 5.0 หรือ Society 5.0 ก็คือภัยธรรมชาติและการก่อการร้ายทาง Cyber

แต่ที่สำคัญมากกว่าก็คือ กำแพง 5 ชั้น ที่เป็นอุปสรรคของญี่ปุ่นยุคใหม่ ซึ่งได้แก่

กำแพงชั้นที่ 1 คือปัญหาของระบบราชการ ที่ต่อไปนี้ ทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องเกิดการปฏิรูปการบริหารหน่วยงานของรัฐทั้งหมด ด้วยการเชื่อมต่อกระบวนการทำงานด้วย IoT

กำแพงชั้นที่ 2 คือปัญหาทางข้อกฎหมาย การเร่งปรับปรุงข้อกฎหมายทุกระดับ รวมถึงการส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะการแก้ไขประเด็นทางกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือรถยนต์ไร้คนขับ รถยนต์ไฟฟ้า Drone Robotics 3D Printer ฯลฯ

กำแพงชั้นที่ 3 คืออุปสรรครายทางของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม อาทิ เทคโนโลยี AI ปรับปรุงภาษีวิจัย ด้วยการผลักดันงบวิจัย 1% ของ GDP ถูกเอาไปใช้กับการวิจัยจริงๆ

กำแพงชั้นที่ 4 คือประเด็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตามปรัชญาใหม่ของ Japan 5.0 หรือ Society 5.0 ที่ระบุว่า ต้องทำให้ประชาชนทุกคนเป็น “มนุษย์ผู้มีความคิดอิสระ และร่วมมือกันสร้างสิ่งใหม่ๆ ด้วยการเชื่อมโยงความรู้แขนงต่างๆ เข้าด้วยกัน”

นั่นคือ การสร้างความรู้และสมรรถนะให้กับเยาวชน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ประถม และมัธยม รวมถึงส่งเสริมให้คนพร้อมเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเฉพาะการสร้างแรงงานมีฝีมือ พร้อมกับสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ ให้เกิดเสน่ห์ดึงดูดมันสมองของตนเอาไว้ ไม่ให้ไหลออกไปยังต่างแดน

กำแพงชั้นที่ 5 คือสร้างการยอมรับทางสังคมที่ให้คนญี่ปุ่นทุกรุ่นเกิดการยอมรับการมาถึงของ Robotics นี่เป็นประเด็นละเอียดอ่อน ที่แม้คนภายนอกจะมองว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศเจ้าแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งคนส่วนใหญ่ในโลกต่างคิดเอาเองว่า คนญี่ปุ่นมีความคุ้นเคย และดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม คือเครื่องจักรยนต์กลไกล อย่าง  AI ได้เป็นอย่างดี ทว่า ในความเป็นจริง อย่าว่าแต่หุ่นยนต์ เอาแค่ลูกครึ่งต่างชาติที่มีสายเลือดญี่ปุ่น เช่น ลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น ก็ยังไม่รับการยอมรับในสังคม

ดังนั้น กำแพงชั้นสุดท้ายคือความสำคัญขั้นสูงสุด ที่รัฐบาลยุคใหม่ของญี่ปุ่นต้องเร่งทำการศึกษาในประเด็นความสัมพันธ์ของมนุษย์กับเครื่องจักรหรือ AI ให้ลึกซึ้งลงไปถึงระดับปรัชญา ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ว่า อะไรคือคำจำกัดความของความสุข, มนุษย์, ความคิด, จิตวิญญาณ?

Japan 5.0 หรือ Society 5.0 จึงเป็นการประกาศนโยบายใหม่เพื่อทลายกำแพง 5 ชั้น อันประกอบไปด้วย

1) การสร้างพื้นที่ไร้การแข่งขัน เพื่อหลอมรวมบริษัทห้างร้านต่างๆ เปลี่ยนจากการแข่งขันทางธุรกิจให้กลายเป็นความร่วมมือ

2) ไม่เพียงสร้างให้เกิดความร่วมมือระหว่างบรรษัทขนาดยักษ์ ทว่า ต้องรวมถึง SME และ StartUp น้อยใหญ่ ทั้งหมดด้วย

3) ปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ โดยเน้นไปที่เด็กปฐมวัย และรื้อสลายเพื่อลดค่านิยมกดขี่ทางเพศ โดยเฉพาะแนวคิดชาตินิยมล้าหลัง

4) การยอมรับการมีอยู่ของเครื่องจักร ชี้ให้เห็นประโยชน์ของการเข้ามาทดแทนกำลังคนวัยทำงานที่หายไป แทนที่จะมองว่ามาทำให้คนตกงาน

ดังนั้น Japan 5.0 หรือ Society 5.0 จึงเป็นการที่ญี่ปุ่น ได้ มองข้ามเทคโนโลยียุค 4.0 ซึ่งปัจจุบันได้ถูกจัดสถานะให้เป็นเพียงพาหนะไปสู่อนาคตมากกว่าจะเป็นเป้าหมาย

เพราะญี่ปุ่นเห็นแล้วว่า 4.0 นั้น ได้สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นในสังคมมากมาย และยังมีปัญหาอื่นๆ อีกที่กำลังรออยู่ข้างหน้า

Japan 5.0 หรือ Society 5.0 จึงหันทิศทางไปเน้นที่การสะสางปัญหาเกี่ยวกับคน โดยเฉพาะเรื่องของทัศนคติ ด้วยการฉวยใช้เทคโนโลยีเพื่อรีดสมรรถนะของมนุษย์พร้อมสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้นในการทำงาน

ขณะเดียวกันก็ยังต้องดำรงคุณค่าของมนุษย์เอาไว้ให้ได้ พร้อมกับการยกระดับคุณภาพชีวิตและทางเลือกในการใช้ชีวิตให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสุงสุดของญี่ปุ่นครับ

 

Reviews

Comment as: