Learning From BNK48

By : Pantavit Lawaroungchok


“แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย” น่าจะเป็นประโยคยอดฮิตติดปากทั่วบ้านทั่วเมืองในรอบสองเดือนที่ผ่านมานี้ จากท่อนหนึ่งของเพลงคุ๊กกี้เสี่ยงทายของวงไอดอลกรุ๊ปหน้าใหม่ BNK48 ที่มีสมาชิกมากถึง 28 คน เป็นประวัติการณ์สำหรับวงการเพลงและวงการบันเทิงเมืองไทย เป็นกลุ่มไอดอลแฟรนไชส์ที่มาจากวงพี่อย่าง AKB48 ของประเทศญี่ปุ่น … มองเผินๆ อาจจะคิดว่าเป็นเพียงแค่ปรากฎการณ์เพลงฮิต เกิดกระแสชั่วข้ามคืนเหมือนอย่างเพลงหรือวงดนตรีอื่นๆ ที่ผ่านมา หรือมันอาจจะเป็นเพียงแค่กระแสเท่านั้นจริงๆ ก็ได้ พอเดี๋ยวผู้คนเริ่มเบื่อก็จะดับความนิยมลงอย่างรวดเร็ว !!!!!! …

.

ก่อนจะพูดถึงรายละเอียดที่มากไปกว่านี้ ผมต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่แฟนคลับ ไม่ได้โอชิหรือโอตะใครเป็นพิเศษ แต่มันมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการตั้งคำถามที่ย้อนแย้งกันมากมายที่เกิดขึ้นในสังคมไทยกับการนำเข้า “วัฒนธรรมบันเทิง” รูปแบบนี้จากประเทศแม่ของวงอย่างญี่ปุ่น ประเทศที่มีเอกลักษณ์ความเฉพาะตัวมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก เข้ามาปรุงแต่งเสริมรสชาติใหม่ ปรับโฉมให้เข้ากับ “จริต” ในการเสพสื่อบันเทิงของบ้านเรา ที่มีความแตกต่างจากประเทศต้นฉบับโดยสิ้นเชิง … พออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะปิดทิ้งหรือเลื่อนข้ามไป เพราะคิดว่ามันจะเป็นเรื่องของคนบ้าศิลปินกำลังเขียนชื่นชมศิลปินที่เค้าชื่นชอบเท่านั้น ช้าก่อน !!!!!! ลองอดทนอ่านต่อไปก่อนอีกสักนิดแล้วจะรู้ว่ามันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน !!!

.

อะไรคือ BNK48? ทำไมต้องมีสมาชิกเยอะขนาดนี้? วงแบบนี้ใครจะสนใจ? เฉพาะกลุ่มพวกผู้ชายโอตาคุรึเปล่า? มันจะเหมาะสมกับคนไทยเหรอ? วงจะไปตลอดรอดฝั่งมั้ย? ขนาดค่ายใหญ่ๆ ศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ ยังอยู่กันไม่ได้เลยนะชั่วโมงนี้!! ทำไมเนื้อเพลงมันดูเป็นเพลงแปลงสิ้นคิดแบบนี้? จะไหวเหร้อ? มีแค่เพลงเดียวเปล่าที่ฟลุกฮิต? และยังอีกมากมายหลากหลายคำถามกระตุกต่อมสมองที่เกิดขึ้นกับรูปแบบหรือ “โมเดล” ของกลุ่มศิลปินนี้ที่ “ขบถ” ท้าทายสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับสังคมไทยเรา …

.

แล้วปรากฏการณ์นี้มันเกี่ยวอะไร? บอกอะไร? มีผลกระทบอะไรมากมั้ยกับชีวิตเรา? !!!!!!!!

.

ถ้าเราพยายามตอบทุกคำถามทุกข้อสงสัยทั้งหมดโดยกรอบของ “โมเดลศิลปินทำเพลงในวงการบันเทิงรูปแบบเก่าๆ” ก็คงจะได้คำตอบที่ผิดทั้งหมด หลงทาง และอาจจะพลาดสิ่งที่น่าสนใจที่อาจจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราในสังคมไทยไปอย่างน่าเสียดาย…. คำว่า “รูปแบบเก่าๆ” นั้นหมายถึง รูปแบบที่ใช้ในการทำธุรกิจขายเพลง ขายศิลปิน ย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา … แรกเริ่มรายได้หลักของศิลปินและค่ายเพลงเกิดขึ้นจากการขายเพลงในอัลบั้มไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ CD DVD หรือฟอร์แมตจับต้องได้อื่นๆ อย่างตรงไปตรงมา ..ต่อมาเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีโดยเฉพาะการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ตก็เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบการปล่อย Single ให้ดาวน์โหลดฟรี ไปจนถึงปล่อยเข้า Streaming ในรูปแบบต่างๆเพื่อให้ผู้คน “ดูฟรี ฟังฟรี” ทำให้เกิดกระแสความนิยม แล้วรายได้หลักก็ย้ายมาสู่การจัดแสดง การตระเวนโชว์ตัว ไปจนถึงการออกอีเวนท์ต่างๆ …จนกระทั่ง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ก็เริ่มมีวิวัฒนาการ ‘เรียลลิตี้’ ที่สร้างศิลปินออกมาพร้อมๆกับให้ผู้คนติดตามวิถีชีวิตของศิลปินไปพร้อมๆ กัน โดยผ่านเวทีประกวด…มาจนถึงการสร้างศิลปิน สร้างเพลงมาเพื่อขายสปอนเซอร์เสมือนเป็นเอเจนซีโฆษณา ซึ่งเราจะเห็นได้จากศิลปินในหลายๆ ค่ายใหญ่ที่ต้องทำหน้าที่เป็นคล้ายๆ พรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ ในทุกๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น เอ็มวี คอนเสิร์ต หรือแม้กระทั่งสร้างเพลงแต่งเนื้อเพลงให้มาสนับสนุนสินค้านั้นๆ ได้อย่างแนบเนียน

.

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่กล่าวมานั้นไม่ได้กระทบเพียงแค่ “วงการบันเทิง” เท่านั้น!!!!! ถ้าย้อนวิเคราะห์ให้ดีเราจะพบว่าทุกการปรับเปลี่ยนนี้ล้วนมาจาก “การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างเราๆ ในสังคม” เองนี่แหละ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นแบบนี้มาตลอดทุกยุค ทุกสมัย เพียงแต่ว่า ในยุคปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ เราต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีนั้นปรับเปลี่ยนรวดเร็วเหลือเกิน เร็วขนาดไหน? ใครรู้บ้างว่า มีมือถือรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาสู่ตลาดเฉลี่ยทุกๆ 26 ชั่วโมงต่อเครื่อง พร้อมที่จะมีฟีเจอร์แปลกๆ ที่พร้อมจะทำให้วิถีชีวิตเราเปลี่ยนทุกๆ วินาที (อ้างอิงจากวิจัยพฤติกรรมผู้ชม สังคม 10s: https://youtu.be/Okm3zYpuhjg) …พฤติกรรมของพวกเราในสังคมนั้นผูกติดอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีหรือเราเรียกว่า ‘Disruptive Technologyที่ยากจะควบคุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้….ใครจะไปรู้ว่า…วันพรุ่งนี้คุณตื่นขึ้นมา บางอย่างในชีวิตอาจจะถูกเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิงโดยไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป!!!!!

.

การที่ถนนในเมืองโล่งเพราะผู้คนรอคอยการเฝ้าดูแมทช์แข่งขันชกมวยหรือฟุตบอลระดับชิงแชมป์กันที่บ้าน การจัดคอนเสิร์ตใหญ่คนดูระดับหลายๆ พันคน ของศิลปินเบอร์ต้นๆ… การเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์เพื่อดูละครหลังข่าว การที่ผู้คนอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมดื่มกาแฟตอนเช้าเป็นประจำทุกวัน ….การไปเลือกซื้อแมกกาซีนเล่มใหม่ที่ร้านหนังสือ…โมเมนต์ธรรมดาที่เราเคยคุ้นชินในชีวิตเหล่านี้กำลังจะหายไปอย่างสิ้นเชิง นี่ยังไม่นับรวมการทำนายพยากรณ์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ๆ ซึ่งหลายคนในวันนี้ได้ยินแล้ว อาจรู้สึกเหมือนจะเป็นเรื่องตลกร้าย หัวเราะหึๆ ในลำคอ อย่างเช่น คนจะเลิกไปช้อปปิ้งซื้อของในห้าง!!! ร้านสะดวกซื้อที่แพร่กระจายอยู่ทั่วทุกตรอกซอกซอยอาจจะทยอยปิดตัว!!! …ธนาคารสาขาต่างๆ ที่ดูเหมือนจะมีความจำเป็นในการทำธุรกรรมในชีวิตเรา ก็กำลังจะปิดตัวเองลงมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ เดือน !!! …และยังมีอีกมากมายหลายโมเมนต์ที่มีเสียงสัญญาณบอกเหตุมาจากอนาคต โดยการศึกษาวิจัย “พฤติกรรมผู้ชมสังคมหลากพฤติกรรม (Niche is The New Mass)“ (ภาคต่อของงานวิจัยพฤติกรรมผู้ชมสังคม 10s) ซึ่งเราได้ศึกษาผ่านการชำแหละ ถอดรหัสโครงสร้างโมเดลของธุรกิจมากมายหลายธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใน “ยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ค” หนึ่งในนั้นเราก็พบข้อมูลสัญญาณบางอย่างที่น่าสนใจกับ “โมเดล BNK48” ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาคที่ใกล้ตัวกับชีวิตเรามากขนาดนี้

.

ในตอนต่อๆ ไปผมจะขอเปิดเผยผลบางส่วนของการศึกษาที่เราทำมาตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา กลไกของ “ศาสนาใหม่แห่งวงการบันเทิง” ที่กำลังจะคืบคลานแพร่กระจายไปเปลี่ยนโครงสร้างต่างๆ ของทุกแวดวง ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ การเมือง วัฒธรรม สังคมและที่ใกล้ตัวกว่านั้นคือ “วิถีชีวิตของพวกเราทุกคน” ทำไมผมถึงใช้คำว่า “ศาสนา”? ทำไมไม่ใช้คำว่าวงดนตรี กลุ่มศิลปิน? มันมีอะไรที่น่าสนใจ? มันยิ่งใหญ่สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? ต่อให้คุณจะสนใจ BNK48 หรือไม่ มันไม่สำคัญเท่ากับการเปลี่ยนแปลงที่เหมือนวงกระเพื่อมของหยดน้ำเพียงหยดเดียวที่ส่งผลกระจายตัวออกไป …มันเกิดขึ้นแล้ว!!! เราไม่อยากรู้เลยเหรอ? สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดและชีวิตของเราไปตลอดกาล … คอยติดตามตอนต่อไปนะครับ … _/\_

.
รูปภาพ Credit: Art Direction : Apostrophy’s Group Co.,Ltd. Artist : MR.ITTIPONG LEEWUTHIKUL

 

Reviews

Comment as: