Learning From BNK48 #3
By : Pantavit Lawaroungchok
เมื่อแรกเริ่มที่วง BNK48 ถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทยนั้น กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นของศิลปินกลุ่มนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มาก ไม่ว่าจะเป็นคำนิยามที่เรียกตัวเองว่าไม่ใช่ “กลุ่มศิลปิน” แต่เป็น “Idol” ไปจนถึงคำศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกผู้ที่ติดตามคลั่งไคล้อย่างคำว่า “โอตะ” ในกลุ่มเองก็มีชื่อเรียกตำแหน่งต่างๆ ของคนในวง ไม่ว่าจะเป็น “เซ็นเตอร์” “เซ็มบัตสึ” “กัปตัน” “เคงคิวเซย์” “คามิ7 (คามิเซเว่น)” เป็นต้น ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการบริหารจัดการตำแหน่งต่างๆ ในทีมฟุตบอลที่มีจำนวนสมาชิกมากๆ… ไปจนถึง “งานจับมือ” ที่เป็นคล้ายๆ งาน Fan Meeting แต่สามารถจับต้องไอดอลได้ในรูปแบบของ “งานจับมือ” คนละ 8 – 10 วินาที… ทั้งหมดนี้เป็นมากกว่าแค่วง Girl Group ที่ทำตัวใสๆ น่ารัก เอ็นเตอร์เทนผู้คนอย่างเดียว หากแต่เป็น “วัฒนธรรมไอดอล” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับรูปแบบของวงการบันเทิงในประเทศไทย และได้สร้างปรากฏการณ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในสังคมไทยในตอนนี้
.
ในประเทศญี่ปุ่นที่ถือว่าเป็นประเทศแม่ของวัฒนธรรมไอดอล แนวคิด “Idol you can meet” นั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด วัฒนธรรมเหล่านั้นได้เกิดขึ้นในสังคมบ้านเค้ามากกว่า 10 ปีแล้ว ก่อนที่จะเดินทางไปแพร่กระจายเป็นเสมือนทูตทางวัฒนธรรมขยายแฟรนไชส์ไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียอย่างในปัจจุบัน… จะเห็นได้จากภาพยนตร์สารคดีที่ผมได้มีโอกาสดูจาก Netflix อย่าง “Tokyo Idols” ที่นำเสนอจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมไอดอลในโตเกียว ในสารคดีเล่าถึงเรื่องราวชีวิตเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งชื่อ ริโอะ (Rio) ที่มีความฝันที่จะประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง โดยเริ่มจากการเป็นไอดอลที่ถือกำเนิดในย่านอากิฮาบาระ (Akihabara) ย่านของผู้ที่หลงใหลในเกมส์และการ์ตูนมังงะ ก่อนที่จะเป็นสะพานทอดไปสู่การแข่งขันต่างๆ ที่ “จริง” และ “เรียล” ซะยิ่งกว่ารายการเรียลลิตี้ สอดคล้องกับแนวคิด “Idol you can meet” ซึ่งคุณจะพบเจอเหล่าสาวน้อยไอดอลได้จริงในชีวิตประจำวันเวลาไหนเมื่อไหร่ก็ได้
.
เราสามารถพบเจอไอดอลได้ใกล้ชิดจากการไปคาเฟ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะ มีไอดอลมาเสิร์ฟขนมให้คุณด้วยตัวเอง… งาน Handshake เป็นงานจับมือที่คุณต้องซื้อ CD Single ก่อนถึงจะได้ตั๋วนี้เพื่อเข้างานไปยืนรอต่อคิวที่จะจับมือกับไอดอลคนโปรดของคุณ… จนถึงการจัดแสดง Live House ที่เป็นเสมือนการจัดโชว์ใต้ดินที่มีวงไอดอลลักษณะนี้อยู่เป็นร้อยๆ วง ไม่ใช่แค่มีเพียงวง AKB48 วงพี่สาวต้นฉบับของ BNK48 อย่างที่เราเข้าใจเท่านั้น…. การเลือกตั้งสมาชิกภายในวงเองก็มีการจัดในสนามกีฬาใหญ่โต มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศและเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเลือกไอดอลในดวงใจของตัวเองเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงที่จะทำหน้าที่เดินทางตามความฝันต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ของคนญี่ปุ่น และถูกยกย่องขนานนามว่าเป็น “วงไอดอลแห่งชาติ”
.
การแข่งขันที่สูงมากของอุตสาหกรรมวงไอดอลในญี่ปุ่นทำรายได้ราวๆ หนึ่งพันล้านเหรียญต่อปี… อุตสาหกรรมที่ขายความมุ่งมั่น การต่อสู้ที่จะไล่ตาม “ความฝัน” จากคนธรรมดาสู่การเป็นไอดอล และพุ่งไปสู่การเป็น “ศิลปิน” ผ่านการใช้ชีวิตจริงๆ พบเจอตัวได้จริงๆ ในชีวิตประจำวัน สื่อสารออกมาผ่านหลายช่องทางทั้ง Live สดในโซเชียลของตัวเอง… ทั้งการถ่ายทอดในห้องกระจกที่เรียกว่า “ตู้ปลา” โดยเหล่าแฟนคลับสามารถไปเฝ้าดูไอดอลตัวเป็นๆ และยังมีอีกหลายๆช่องทาง แตกต่างกับรายการเรียลลิตี้ที่ถูกจำกัดควบคุมสิ่งแวดล้อมทุกอย่างอยู่ในบ้าน อยู่ในห้องส่ง อยู่ในสถานที่ที่จำกัดขอบเขตเอาไว้ มีเพียงการสื่อสารผ่านเลนส์ของกล้อง ผ่านการตัดต่อของรายการ ถูกเลือก พร้อมส่งต่อเนื้อหาต่อไปถึงผู้ชมแล้วเท่านั้น… “เรียลลิตี้” แต่ก็ไม่เรียลจริงๆ…ความ “จริงที่แท้ทรู” ของวัฒนธรรมไอดอลนี้เองที่ทำหน้าที่เป็น Content ที่สร้างความลุ่มหลง คลั่งไคล้ให้เหล่าสาวกโอตะที่คอยสนับสนุน ให้กำลังใจ ติดตามการต่อสู้ของเด็กสาวไอดอลของเขา… มองเผินๆ เหมือนเป็นเพียงแค่ “แฟนคลับ” ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่แท้ที่จริง สิ่งที่ไอดอลทำนั้นเป็นตัวแทนของ “ความฝัน” หรือสิ่งที่เหล่าโอตะเคยทำล้มเหลว ผิดพลาด ทำไม่สำเร็จและไม่สามารถกลับไปทำได้อีกในชีวิตจริง
.
ภาพในหนังสารคดีพูดถึง นายโคจิ (Mr.Koji) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ริเริ่ม The Rio Brothers กลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบและคอยสนับสนุนไอดอลสาวริโอะ นายโคจิเคยจะเก็บเงินมาทั้งชีวิตเพื่อที่จะขอหญิงสาวอดีตแฟนเก่าแต่งงาน แต่แล้วก็มีเหตุที่ไม่สำเร็จ เกิดเลิกรากันไป เขาจึงใช้เงินทั้งหมดทั้งชีวิตที่เก็บมาได้นั้น มาสนับสนุนเด็กสาวไอดอล… ในเมื่อเป้าหมายที่เคยฝันเอาไว้ของตัวเองทำไม่สำเร็จ จึงขอสนับสนุนไอดอลทุกวิถีทางที่จะทำให้บรรลุถึงเป้าหมายแสดงความเป็นตัวแทนความฝันของพวกเขาได้… นี่ต่างหากที่เป็นจุดขายหลักของ “วัฒนธรรมไอดอล” ไม่ใช่แค่ “ภาพลักษณ์” หรือเพียงแค่ “เพลง” ที่เคลือบอยู่ภายนอกเท่านั้น
.
นักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรมและนักเขียนชาวญี่ปุ่นที่ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ “วัฒนธรรมไอดอล” ชื่อ อากิโอะ นากาโมริ (Mr.Akio Nakamori) กล่าวไว้ว่า หากย้อนกลับไปถึงความเฟื่องฟูของวิถีไอดอลในโตเกียวช่วงปี 1990 ก็คล้ายกับการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษในอดีตช่วงยุค 1970 ที่มีประเด็นเชื่อมโยงกับการเกิดขึ้นของวงดนตรีพังก์ร็อก ซึ่งถือเป็นตัวกลางคอยสื่อสารความคิด ความในใจของผู้คนผ่านบทเพลงอยู่หลายวง เช่น Sex Pistols, UFO, Queen, Pink Floyd ฯลฯ เมื่อผู้คนต่างสิ้นความหวัง ท้อแท้กับสภาพเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมไอดอลและวงการบันเทิงกลับได้ความนิยมอย่างสูงสุดในตอนนั้น ย้อนแย้งกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นราวกับว่าไอดอลทั้งหลายนั้นเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลทางความคิด… เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับผู้คนคล้าย “ศาสดา” ใน “ศาสนา” สำหรับโลกยุคใหม่ เป็นตัวแทนสะท้อนความหวังของคนธรรมดาที่ต่อสู้ในสังคมเพื่อเป้าหมายความฝันของตัวเอง… อักทั้งยังเป็นทั้งเพื่อนสนิทที่คอยเยียวยา ปลอบประโลมจิตใจ และยังมีอีกหลายเหตุผลที่ส่วนใหญ่จะพุ่งตรงเข้าไปสู่การเข้าถึงความต้องการทางด้านจิตใจ…. ยิ่งคนในสังคมอ่อนแอมากเท่าไหร่ วัฒนธรรมไอดอลยิ่งทวีบทบาทในสังคมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
.
ความถูกต้องและความเหมาะสมก็จะถูกตั้งคำถามขึ้นในสังคมไทยที่เพิ่งจะเปิดรับวัฒนธรรมรูปแบบนี้เข้ามา… ว่ามันเหมาะสมหรือไม่? ไร้สาระ มัวเมารึเปล่า?… ความหลงใหลใน BNK48 ถึงขนาดมีการประมูลภาพถ่ายของหนึ่งในสมาชิกด้วยราคาค่างวดสูงถึง 470,000 บาทต่อรูปภาพเพียงใบเดียว… ฟังดูน่าตกใจ!!!!… แต่ถ้าหากย้อนไปดูในที่มาที่ไปของประเทศที่วัฒนธรรมไอดอลฝังรากและพัฒนาไปไกลแล้วอย่างญี่ปุ่นหรืออังกฤษ ก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องที่ปกติมากกับเส้นทางที่กำลังดำเนินต่อไปนี้… มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ได้เป็นของใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น… หากเราเปิดใจก็จะเห็นได้ว่า วัฒนธรรมไอดอลถูกพัฒนาระบบโมเดลให้แข็งแรงต่อเนื่องยั่งยืนก่อนที่จะทำหน้าที่เผยแพร่ “แฟรนไชส์” โมเดลนี้ออกสู่สายตาชาวโลก… ทั้งการแข่งขันกันในระบบ การเปิดรับสมาชิกใหม่ๆ รูปแบบการปรับช่องทางในการพัฒนาการบริการในวงการบันเทิงของตัวเองให้เข้ากับกิจกรรมการค้าหลากหลายรูปแบบเพื่อสร้างเม็ดเงินรายได้เข้ามาอย่างมหาศาลทลายกรอบการนิยามตัวเองไปซะหมด จนไม่รู้ว่าเราจะเรียกน้องๆ เค้าว่าอะไร ดารา นักร้อง นักแสดง MC Pretty และอีกหลายบทบาทที่นิยามชัดเจนไม่ได้ ซึ่งเค้าก็พยายามนิยามความเบลอๆ ของขอบเขตการบริการนี้ของเค้าว่า “ไอดอล”
.
การมีพื้นที่จริงๆ ก็สำคัญมากเพราะเป็นพื้นที่ที่ใช้สำหรับพบเจอ Idol ตัวเป็นๆ ถ้าคุณอยากจะเจอตัวจริงเมื่อไหร่? ที่ไหน? ก็มีกิจกรรมต่างๆ ให้คุณเลือกสรร สอดคล้องกับแนวคิด “Idol you can meet” ซึ่งแตกต่างกับบทบาทของ Net idol หรือดารา นักร้องนักแสดงที่เราเคยเจอในสังคมไทยรูปแบบเดิม… พื้นที่จริงทำหน้าที่เปลี่ยน “เนื้อหา” (Content) เป็นรูปแบบของ “สินค้า” (Product) ของการบริการกิจกรรมความบันเทิงความอย่างหลากหลายเพื่อ “ปิดการขาย” และ “สร้างยอดขาย” จริงๆ… ในขณะที่ในโลกออนไลน์จะทำหน้าที่เป็น “ตัวกระจาย” (Distribute) และสื่อสารเนื้อหาเพื่อสร้างและขยายกลุ่มผู้ชมให้กว้างและโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง…ระบบทำงานร่วมกันทั้งสองโลกทั้งออนไลน์ (online) และ ออนกราวด์ (on ground) ควบคู่กันอย่างน่าสนใจ…
.
พื้นที่จริงอย่างสถาบันฝึกอบรม คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึก ห้องส่ง Live สดตู้ปลา สถานที่จัดการแสดงในรูปแบบ Theater และอื่นๆ อีกมากมายที่เติบโตถึงขั้นที่ทำให้ย่านๆ หนึ่งในโตเกียวอย่าง Akihabara พัฒนาเติบโตเป็น “เมืองแห่งไอดอล” มีเอกลักษณ์และความสำคัญในระดับเมืองเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก… อย่างในญี่ปุ่นเอง AKB48 ก็ถือเป็น “สถาบันแห่งชาติ” ไปแล้ว มีความเชื่อมโยงกับประเทศทั้งเศรษฐกิจ การเมือง รวมไปถึงวิถีชีวิตผู้คน ไม่ใช่แค่เพียง “วงไอดอล” ธรรมดาๆ อีกต่อไป
Credit Picture
Art direction : Apostrophy’s Group Co.,Ltd.
Artist : Mr.Ittipong Leewuthikul