OTOP กับการท่องเที่ยว เป็นเรื่องเดียวกัน

By : Pongsak Sanitwongse


สมัยนี้การทำกิจกรรมทางธุรกิจต้องหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสามแล้วครับ เดินไปข้างหน้าแบบโดดเดี่ยว ข้ามาคนเดียวไม่มีแนวร่วม ไม่มีพันธมิตรทางการค้าไม่ได้ สินค้าทางด้านอาหารการกินกับการท่องเที่ยวเป็นเรื่องคู่กันเสมอ แต่ในที่นี้ ผมขอเน้นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาในเมืองไทย เราจะดึงดูดเงินเขาให้หมดกระเป๋าได้อย่างไร การตลาดแบบไหน โดยเฉพาะการสร้างมูลค่าเพิ่มแบบครบวงจร ในธุรกิจขนมไทย โดยเฉพาะสินค้า OTOP ครับ

OTOP คือ “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” เป็นแนวทางประการหนึ่ง ที่จะสร้างความเจริญแก่ชุมชนให้สามารถยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้น โดยการผลิตหรือจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่น ให้กลายเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่ สอดคล้องกับวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น สามารถจำหน่ายในตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ โดยมีหลักการ พื้นฐาน 3 ประการ

ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล (Local Yet Global)
พึ่งตนเองและคิดอย่างสร้างสรรค์ (Self-Reliance-Creativity)
การสร้างทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development)

ผมมีความคิดว่าถ้าเราเอาสินค้า OTOP ขนมไทยที่มีหลากหลาย รสชาติก็ดีมีเอกลักษณ์ และยังอร่อยมากๆด้วย มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้ได้ ผลิตภัณฑ์ขนม ไม่ได้หมายถึงตัวสินค้าเพียงอย่างเดียวแต่เป็นกระบวนการทางความคิดรวมถึงการบริการ การรักษาภูมิปัญญาไทย ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี การต่อยอดภูมิปัญญาไทย การหีบห่อ การตลาด การกำหนดราคาสินค้า การจัดส่ง และที่สำคัญอย่างยิ่งการผูกร้อยเรียงทุกกระบวนการให้เป็นหนึ่งเดียว และพุ่งเป้าผูกไปที่ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย หาความแตกต่าง สร้างจุดเด่น จุดขาย ให้แพร่หลายไปทั่วประเทศและทั่วโลก ประเทศไทยมีของดีครับ เรามีขนมหวานมากมาย แต่นึกภาพสิครับ ขนมหม้อแกง มันต่อยอดทั้งระบบไม่ได้ หิ้วขึ้นเครื่องก็ลำบาก ข้างเหนียวมะม่วง ขนมประเทศ ได้แต่ซื้อรับประทาน ณ จุดขายเป็นเสียส่วนมาก เราจะทำอย่างไรดีที่จะสร้างมูลค่าเพิ่ม ขนมประเภทไหนดีจะพัฒนาแล้วไปได้ไกล ช่วยกันคิดให้ผมทีครับ เอามาล้ม TOKYO BANANA กันสักทีครับ

ผมสังเกตว่าในแต่ละประเทศในเอเชียที่ผมได้ไปสัมผัส เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ไต้หวัน เกาหลี ได้มีการจัดการโปรโมตของดีในประเทศอย่างจริงจังเป็นระบบ โดยผูกสัมพันธ์ไปกับการท่องเที่ยวได้อย่างดี เอาตัวอย่างจากไต้หวัน ขนมพายสับปะรด ขนมโมจิ เขาปรุงรสชาติได้อร่อย ถูกลิ้นกับทุกเพศทุกวัย และทุกเชื้อชาติอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นความอร่อยที่ลงตัว ที่มากไปกว่านั้นยังผูกไปกับการท่องเที่ยว ทุกๆคณะทัวร์จะต้องมาหยุดแวะชิม ช็อปซื้อกลับบ้าน ติดไม้ติดมือกันไปแทบทั้งนั้น แปลกมากคือทุกๆเขต ทุกๆจังหวัดของเขาก็ย้ำขายกับขนมดังกล่าวชนิดจอดที่ไหนเจอที่นั่น ขายเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่การชิม และต้องทำสดๆให้ชิม ทำโชว์ให้เห็น ของที่ขายก็ไม่ค้างเก่า หีบห่อก็ดูดี ตั้งใจพิถีพิถันบรรจงห่อให้ทาน เหมือนจะให้เราห่อเอาวัฒนธรรมของเขากลับบ้านไปด้วย การจัดซื้อก็สะดวกง่าย มีบริการหีบห่อกลับบ้าน บรรจุใส่ลัง ให้เอาขึ้นเครื่องกลับบ้านได้สบายๆ พนักงานขายก็พูดภาษาต่างชาติได้ ผมเจอคนไต้หวันขายขนมโมจิพูดไทยได้เจื้อยแจ้ว น่ารักจริงๆครับ

บ้านเรามีขนมที่หลากหลาย แต่เราไม่รู้จะแต่งตัวมันอย่างไรให้มีเสน่ห์ เราจำเป็นที่ต้องบูรณาการใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ขนมทองม้วน ปรับเปลี่ยนสูตรให้เป็นสากลเสียหน่อยไม่ต้องมากจนกลายสูตร เอาวัตถุดิบใหม่ๆมาร่วมผสม เช่นเมล็ดอัลมอนต์ แต่คงสูตรหลักการทำแบบไทยไว้ การสร้างเรื่องราวของขนม ของหวานที่มีตำนาน แบรนด์ที่เน้นที่มาที่ไปแบบไทยๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าลืมสร้างจุดเด่น ออกแบบให้มีมูลค่าเพิ่ม นึกถึงภาพหีบห่อขนมแบบญี่ปุ่นเข้าไว้ มีไม่กี่ชิ้น แต่ขายราคาแพงมากๆ จริงๆแล้วขนมมันอาจจะราคาไม่กี่ตังค์ แต่มูลค่าความตั้งใจ ความโดดเด่นของขนม การสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพิ่มราคาได้เท่าตัว

มัคคุเทศของเราก็ต้องเรียนรู้จักขนมไทยให้ถึงแก่น มีรากเหง้ามาจากไหน ทำอย่างไร วัตถุดิบมีอะไรบ้าง รสชาติเป็นเช่นไร แล้วนำไปถ่ายทอดให้ชาวต่างชาติได้อย่างดี เรียกว่าพูดกรอกหูเขาให้หลงรักขนมไทยเลย รวมทั้งทำอย่างไรจะสร้าง contact point ให้ขนมไทยได้อย่างมีคุณค่า เปรียบเสมือนแวะจุดท่องเที่ยวได้จุดหนึ่งเลย ผมนึกถึงร้านแม่กิมอะไรๆทั้งหลาย ตุนของเก่าหมดอายุมาขาย ไปไหนก็เจอแต่ภาพของที่ไม่ชวนกินเลย ซ้ำๆ อย่างนี้ก็ไม่ไหว หาจุดขายไม่เจอจริง คนไทยด้วยกันเองยังเมินเลย นับประสาอะไรกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผมหลับตานึกถึงขนม Tokyo Banana ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร พัฒนามาได้อย่างไร ให้นึกฉงน หรือมันเคยเป็นข้าวต้มมัด หรือเหนียวห่อกล้วยมาก่อนนะ

ผมขอสรุปท้ายว่า เรามีความหลากหลายในขนมไทยจริง แต่ขาดการต่อยอดให้มันดูพรีเมี่ยม ทำให้มันเป็น Signature of Thailand ทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว ทำหีบห่อที่สวย ดึงดูดใจ และมี Shelf Life ที่ยาวนาน ต้องเพิ่มการสาธิตการทำขนมให้ดูสดๆ ของที่ขายจริงก็ต้องของสด คุณภาพดีแน่นอน ต้องอย่าลืมบรรจุเรื่องราวและจินตนาการของความเป็นไทยใส่เข้าไปในหีบห่อนั้นด้วย… อยากเห็นขนมไทยไปได้ไกลแสนไกลครับ

 

Reviews

Comment as: