โลกยุคนี้ โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในชีวิตของเราไปแล้ว และการที่โทรศัพท์หายหรือถูกขโมย สิ่งที่หายไปไม่ได้มีแค่ตัวเครื่อง แต่รวมถึง “ข้อมูล” ที่อยู่ในโทรศัพท์ด้วย เวลาที่มือถือเราหาย  สิ่งที่น่าเสียดายน้อยที่สุดกลับเป็นตัวเครื่องโทรศัพท์ เพราะเราสามารถซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ได้ แต่สิ่งที่เอากลับมาไม่ได้คือ “ข้อมูล” ในโทรศัพท์

เราสามารถแยกปัญหาข้อมูลหายได้เป็น 2 กรณี

1. ข้อมูลสำคัญที่หายไปแล้ว เราไม่สามารถหามาจากที่อื่นทดแทนได้อีก เช่น รูปถ่าย วิดีโอ โน้ตต่างๆ

2. ข้อมูลสำคัญที่หายไปแล้ว คนอื่นเอาไปใช้ต่อได้ เช่น ล็อกอินบัญชีสำคัญต่างๆ รหัสผ่าน เลขบัญชี

บทความนี้ขอนำเสนอวิธีง่ายๆ ในการป้องกันข้อมูลหายทั้ง 2 กรณี

กรณี 1 ป้องกันข้อมูลหายไปจากชีวิต แล้วกู้กลับมาไม่ได้

ทางออกคือ เราต้องแบ็คอัพข้อมูลในมือถือไปไว้บนคลาวด์ให้หมด เผื่อว่ามือถือหาย เรายังสามารถเอากลับคืนมาได้ผ่านการดาวน์โหลด

แล้วการแบ็คอัพ ทำอย่างไร?

ปัจจุบัน สมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS เชื่อมต่อกับคลาวด์อยู่แล้ว ข้อมูลหลักๆ ของเครื่องถูกเก็บไว้บนคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็น Google Account ของกูเกิลหรือ iCloud ของแอปเปิล ถ้าเราตั้งค่าถูกต้อง ต่อให้ข้อมูลเหล่านี้หายไป หรือแค่เปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่ มันจะยังอยู่กับเราเสมอ

กรณีของ “เบอร์โทร” จะถูกผูกกับ (Contacts หรือ Address Book)  ที่เชื่อมกับคลาวด์อัตโนมัติอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องเลิกบันทึกเบอร์โทรศัพท์ลงซิมการ์ดแบบที่เคยทำในอดีต เพราะข้อมูลในซิมการ์ดมีโอกาสหายไปพร้อมเครื่อง เปลี่ยนมาเป็นการบันทึกเบอร์ลงตัวเครื่องโทรศัพท์แทน (ซึ่งจะซิงก์ข้อมูลขึ้นคลาวด์ให้)โดยอัตโนมัติ

กรณีของรูปภาพหรือวิดีโอที่อยู่ในมือถือ  ซึ่งเป็นความทรงจำหรือประสบการณ์ล้ำค่าของเรา วิธีการจัดการในยุคปัจจุบัน แนะนำให้ใช้แอพ Google Photos ที่ซิงก์รูปถ่ายและวิดีโอลงคลาวด์แบบไม่จำกัดความจุ โดยรูปและวิดีโอจะถูกแบ็คอัพอัตโนมัติเมื่อเราเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-fi

ถ้าใช้ Android ปัจจุบันกูเกิลแถม Google Photos มาให้พร้อมกับเครื่อง does levitra work better than cialis เราเพียงแค่กดเข้าแอพไปครั้งแรก ตั้งค่าให้แบ็คอัพข้อมูลภาพถ่ายของเราก็พอแล้ว แต่ถ้าใช้ iOS ก็ไม่ยากอะไร ดาวน์โหลดแอพ Google Photos จาก App Store มาติดตั้งและเปิดใช้งานแบบเดียวกัน เท่านี้ก็พอแล้ว ที่เหลือคือกูเกิลจะจัดการเก็บรักษาภาพถ่ายของเราให้อัตโนมัติ

กรณี 2 ป้องกันไม่ให้คนอื่นที่ได้มือถือเราไป ใช้งานข้อมูลของเรา

นอกจากป้องกันข้อมูลหายไปจากโลกแล้ว เรายังต้องป้องกันคนอื่นเอาข้อมูลของเราไปใช้งานได้ หลักการคือ ให้ผู้ที่ได้เครื่องไป ไม่สามารถทำอะไรกับข้อมูลภายในเครื่องได้นั่นเอง

สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ มีระบบรักษาความปลอดภัย โดยเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดในเครื่องไว้ และมีแต่เจ้าของเครื่องเท่านั้นที่เข้าถึงได้ (อย่างมากก็ได้ไปแต่เครื่องเปล่าๆ ที่รีเซ็ตแล้วไม่เหลือข้อมูลใดๆ) ดังนั้นเราควรล็อคหน้าจอเครื่องเสมอ เพราะคนที่มีรหัสผ่านเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้

การล็อคหน้าจอด้วยการใส่ PIN หรือรหัส Pattern อาจยุ่งยากวุ่นวายอยู่บ้าง ตรงนี้อาจต้องยอมทนกันหน่อยเพื่อแลกกับความปลอดภัยที่ดีกว่า แต่ช่วงหลังสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ รองรับการสแกนนิ้วที่สะดวกขึ้นมากแล้ว

ผู้ใช้ยังควรเปิดเน็ต 3G/4G ไว้ตลอดเวลา เพราะถ้าเครื่องหาย เราสามารถใช้บริการพวก Find My iPhone/Find My Android เพื่อหาพิกัดของเครื่องได้ และต่อให้หาเครื่องไม่เจอหรือไม่ได้เครื่องคืน เรายังสามารถสั่ง remote wipe ลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่องทิ้งจากระยะไกล เพื่อรักษาข้อมูลส่วนตัวของเราให้เป็นความลับไปตลอดได้ มลับไปตลอดได้