Healthcare IT ตลาดสุขภาพที่กำลังรอการปฏิวัติ

By : Isriya Paireepairit


ในโลกยุค Digital Disruption ที่บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศออกไปอาละวาด และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมอื่นๆ มากมาย วงการที่ควรจับตามองคือ Healthcare หรือบริการด้านสุขภาพ ที่กำลังได้รับผลกระทบจากบริษัทไฮเทคเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ เราพูดกันถึง “FinTech” หรือการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการเงินจากเทคโนโลยี โดยมีประโยคคลาสสิคของ Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan Chase ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่พูดว่า “Silicon Valley is coming” ซึ่งหมายถึงว่า บริษัทไอทีจากซิลิคอนแวลลีย์ กำลังจะมาแย่งลูกค้าและรายได้ของบรรดาธนาคารไปในอีกไม่ช้า

ผมคิดว่าคำพูดนี้ใช้ได้กับทุกวงการ และวงการ Healthcare ก็ไม่ต่างกัน

บริษัทไอทียักษ์ใหญ่แทบทุกรายล้วนแต่มีทีมงานหรือธุรกิจด้าน Healthcare และแหย่ขาเข้ามาในตลาดนี้กันหมดแล้ว เอาเข้าจริงวงการ Healthcare ค่อนข้างกว้างและมีธุรกิจซับซ้อนหลากหลาย แต่งานพื้นฐานอย่างการนำไอทีเข้ามาช่วยกระบวนการด้านเอกสาร ด้านการจัดการข้อมูล ก็ไม่แตกต่างอะไรจากวงการอื่นๆ ที่บรรดาบริษัทไอทีลุยเข้ามาเจาะตลาดนี้กันอย่างยาวนาน

ที่น่าสนใจกว่างานพื้นฐานดังกล่าว คือ บริษัทไอทีเริ่มรุกเข้ามายังธุรกิจที่ “ลึก” กว่าเดิม และเริ่มไปไกลถึงระดับวิจัยยีนหรือวิจัยยาด้วยซ้ำ

บริษัทที่เป็นหัวหอกในด้านนี้หนีไม่พ้น Alphabet หรือบริษัทแม่ของ Google ที่เริ่มแตกบริษัทลูกออกมาทำธุรกิจด้านสุขภาพหลายบริษัท ตัวอย่างบริษัทที่น่าสนใจคือ Calico ที่วิจัยเรื่องการมีอายุยืนของมนุษย์ (longevity) โดยงานนี้ Alphabet จัดหนัก ดึงเอา Arthur Levinson ประธานบอร์ดของ Apple ที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญ มานั่งเป็นซีอีโอของบริษัทนี้ ตอนนี้ Calico ยังไม่มีผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ด้วยชื่อชั้นบารมีของทั้งตัวบุคคลและตัวบริษัทก็ทำให้เราต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

Alphabet ยังมีบริษัทลูกอีกรายชื่อ Verily ที่ทำวิทยาการเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ (Life Science) โดยมีโครงการหลากหลาย ที่โดดเด่นคือคอนแท็คเลนส์ที่สามารถตรวจวัดโรคเบาหวานได้จากระดับน้ำตาลในน้ำตา ใช้แทนการเจาะเลือด นอกจากนี้ Verily ยังมีโครงการวิจัยด้านเลนส์กับ Nikon และวิจัยยาร่วมกับบริษัทยา Gsk ด้วย

อีกบริษัทที่โดดเด่นในตลาดสุขภาพคือ IBM ที่มีระบบปัญญาประดิษฐ์ Watson ทำหน้าที่คอยช่วยแพทย์วิเคราะห์ข้อมูลในการรักษาโรคจำนวนมหาศาล เพื่อค้นหารูปแบบหรือแพทเทิร์นของโรคต่างๆ ให้การรักษาแม่นยำและตรงเป้ามากขึ้น ศักยภาพของ Watson อยู่ในระดับที่ไม่มีแพทย์คนใดสามารถอ่านเอกสารหรือข้อมูลได้เยอะเท่า และเราอาจเรียกว่า Watson เป็นแพทย์ที่ฉลาดที่สุดในโลกในขณะนี้ก็ได้ เมื่อแพทย์มีผู้ช่วยที่ฉลาดขึ้นอย่าง Watson ก็สามารถปฏิบัติงานได้อย่างทรงประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

ในประเทศไทยมีโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่ร่วมมือกับ IBM Watson ในการวิเคราะห์โรคมะเร็ง และรักษาตามคลังข้อมูลจากระดับนานาชาติ

บริษัทอื่นที่น่าสนใจคือ Apple ที่พยายามเก็บสถิติของร่างกายมนุษย์ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ผ่านอุปกรณ์สวมใส่ Apple Watch หรือสมาร์ทโฟน แล้วส่งกลับไปยังหน่วยงานวิจัยด้านการแพทย์ เพื่อเพิ่มปริมาณข้อมูลของผู้ป่วยโรคต่างๆ ให้แม่นยำและเป็นปัจจุบันมากขึ้น รวมถึงช่วยให้แพทย์ใช้ติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดโดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล

นอกจากนี้ยังมีบริษัทสตาร์ตอัพจำนวนมาก ที่กำลังพัฒนาและวิจัยเครื่องมือใหม่ๆ ในด้านการแพทย์ และรอวันเติบโตออกมาปฏิวัติวงการนี้ในอนาคตอันใกล้

 

Reviews

Comment as: