ผมได้รับเชิญจากบริษัทซัมซุงประเทศไทย ไปงานเปิดตัว Galaxy S8 ที่สหรัฐอเมริกา และมีโอกาสได้ทดสอบ-พูดคุยกับทีมงานของซัมซุงอยู่พอสมควร คิดว่ามีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของสมาร์ทโฟนมาฝากกัน

อย่างที่เราทราบกันดีว่า สมาร์ทโฟนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเริ่มไม่มีอะไรใหม่มากนัก ความสามารถก็ยังเหมือนๆ เดิม โดยมีสเป็กแรงขึ้นทุกปี กล้องดีขึ้นอีกปีละหน่อย และเริ่มมีคุณสมบัติหลายอย่างที่อำนวยความสะดวกให้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น กันน้ำได้ เพิ่มเข้ามา แต่ถามว่าเป็นของใหม่ชนิดปฏิวัติวงการหรือไม่ ก็คงตอบได้ไม่เต็มปากนัก

ฝั่งของซัมซุงเองในฐานะผู้นำโลกสมาร์ทโฟน ช่วงหลังก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักเช่นกัน นับตั้งแต่ Galaxy S6 ที่ปรับดีไซน์มาเป็นโลหะ (ออกช่วงต้นปี 2015) ก็คงรูปลักษณ์แบบเดิมมาประมาณ 2 ปี พอมาถึงปีนี้ Galaxy S8 กลับสร้างความแปลกใหม่ของรูปลักษณ์ ด้วยดีไซน์ใหม่ จอภาพแทบจะกินพื้นที่ด้านหน้าของเครื่องไปทั้งหมด เหลือขอบด้านบนและด้านล่างไว้เพียงนิดเดียวเท่านั้น

ในโฆษณาของซัมซุง เปรียบเทียบดีไซน์ของ Galaxy S8 ว่าเป็นพัฒนาการอีกขั้นของโทรศัพท์ เทียบได้กับการเปลี่ยนผ่านยุคมือถือแบบฝาพับเข้าสู่ยุคมือถือจอสัมผัส คราวนี้ Galaxy S8 ชูว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านจากยุคจอสัมผัส มาเป็นยุคจอใหญ่ครอบคลุมเกือบทั้งเครื่อง ถ่ายทอดประสบการณ์ภาพ-วิดีโอแบบเต็มๆ ตานั่นเอง

ในแง่ประโยชน์ใช้สอย หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นย่อมสามารถแสดงผลข้อมูลได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเว็บเพจ-อ่านเอกสาร ทำงานสองหน้าจอพร้อมกัน หรือการถ่ายภาพ-ดูภาพ-ดูวิดีโอ ก็เต็มตามากขึ้นตามไปด้วย

ทิศทางการออกแบบสมาร์ทโฟนลักษณะนี้ไม่ได้มีแต่ซัมซุงรายเดียวที่ทำ คู่แข่งเพื่อนร่วมชาติอย่างแอลจี ก็เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ LG G6 ที่ใช้จอภาพขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน (เพียงแต่คนสนใจน้อยกว่ากันมาก เพราะแบรนด์แอลจีไม่ดังเท่ากับซัมซุงในโลกของมือถือ) ต้องรอดูว่าคู่แข่งรายอื่นๆ จะเดินตามแนวทางนี้หรือไม่

ความสามารถใหม่อีกอย่างของ Galaxy S8 คือระบบ AI ผู้ช่วยส่วนตัวชื่อว่า Bixby (อ่านว่า บิกซ์บี้) ที่จะคอยช่วยเหลือผู้ใช้งานตลอดเวลา

Bixby จะอยู่กับผู้ใช้ไปตลอด และสามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงพูด (ลักษณะเดียวกับ Siri ของแอปเปิลหรือ Google Assistant ที่มีบนแอนดรอยด์อยู่แล้ว) และป้อนข้อมูลด้วยภาพ

สิ่งที่น่าสนใจคือ เราสามารถถ่ายภาพด้วยกล้องของ Galaxy S8 แล้วส่งต่อให้ Bixby ทำงานเพิ่มเติมได้ เช่น แปลภาษาในภาพนั้น, แปลงตัวอักษรในภาพออกมาเป็นข้อความ หรือค้นหาว่าภาพที่ถ่ายนั้นอยู่ที่ไหนในโลก โดย Bixby จะนำภาพถ่ายนั้นไปเปรียบเทียบกับภาพอื่นๆ ในอินเทอร์เน็ตว่ามีความคล้ายคลึงกันมากน้อยแค่ไหน

ระบบผู้ช่วยส่วนตัวที่เป็น AI แบบนี้จะค่อยๆ กลายเป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในอนาคต ผมเชื่อว่าสมาร์ทโฟนรุ่นถัดๆ ไปของซัมซุงจะมี Bixby อยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นถูกหรือแพงก็ตาม

ในวงการสมาร์ทโฟนเองก็มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะมุ่งไปยังโลกของ AI เช่นกัน ระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนทุกค่ายมีระบบผู้ช่วยอยู่แล้ว เช่น Siri ของแอปเปิล, Google Assistant ของกูเกิล, Cortana ของไมโครซอฟท์ และมีผู้ผลิตสมาร์ทโฟนบางรายอย่าง Huawei ใช้วิธีจับมือกับ Amazon นำระบบผู้ช่วย Alexa มาใช้งานเช่นกัน

ผู้ผลิตรายใหญ่อย่างซัมซุง มีเงินทุนและทีมวิจัยที่สามารถทำระบบ AI ของตัวเองได้ ส่วนผู้ผลิตรายที่มีขนาดเล็กลงมา ก็คงใช้ระบบของกูเกิลกันไปแทน

ตอนนี้ยังพูดยากว่าระบบ AI ของค่ายไหนดีกว่ากัน เพราะเรายังอยู่ในยุคเริ่มต้น แต่ในอีกไม่ช้า เราก็คงได้เห็นกันว่าตลาดนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ