Alexa ทุกหนทุกแห่ง

By : Isriya Paireepairit


ช่วงต้นปีของทุกปีมีงาน Consumer Electronics Show (หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า CES) เป็นงานจัดแสดงสินค้าไอทีและอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา บรรดาผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ต่างขนผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุด มาจัดแสดงในงานนี้กันอย่างพร้อมหน้า สิ่งที่นำมาโชว์ในงาน CES ถือเป็นตัวกำหนดทิศทางของโลกไอทีในปีนั้นๆ (อย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งแรกของปี)

สำหรับงาน CES 2017 ที่เพิ่งจบลงไป ดาวเด่นที่สุดในงาน กลับไม่ใช่บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เราคุ้นชื่อกัน แต่เป็นยักษ์ใหญ่ของโลกอีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon แทน

Amazon มาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย ผมจะค่อยๆ อธิบายดังนี้ครับ

เริ่มจากว่า Amazon สร้างชื่อมาจากการเป็นเว็บอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ แต่ในอีกทาง Amazon ก็ตั้งหน่วยธุรกิจที่ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มาขายกับเขาด้วยเช่นกัน โดยเริ่มจากเครื่องอ่านอีบุ๊กยี่ห้อ Kindle ที่หลายคนคงรู้จักกันดี จากนั้นก็แตกไลน์ ขยายสายผลิตภัณฑ์มาเป็นแท็บเล็ตแบรนด์ Fire ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง (แต่ไม่มาขายในไทย) และหันไปทำสมาร์ทโฟนอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ล้มเหลวอย่างมาก

ในปี 2014 ฝ่ายฮาร์ดแวร์ของ Amazon วางขายสินค้าตัวใหม่เป็นลำโพงอัจฉริยะชื่อ Amazon Echo หน้าตาเป็นลำโพงรูปทรงกระบอก วางไว้ในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน สิ่งที่ต่างไปจากลำโพงปกติที่ใช้ฟังเพลงคือ Echo มีไมโครโฟนฝังอยู่ในตัว และจะเปิดไมค์รับฟังเสียงอยู่ตลอดเวลา

เมื่อคนในบ้านพูดคีย์เวิร์ดว่า “Alexa” ขึ้นมา ระบบตรวจจับเสียงพูดของมนุษย์จะเริ่มทำงาน และฟังเสียงพูดท่อนที่เหลือ ก่อนแปลความหมาย และนำไปประมวลผลบนคลาวด์ของ Amazon ให้เรา และตอบโต้กลับมาเป็นเสียงพูดของมนุษย์ (ผู้หญิงที่ชื่อ Alexa)

ตัวอย่างเช่น เราพูดว่า “Alexa, What time is it now?”  เราก็จะได้ยิน Alexa โต้ตอบกลับมาเป็นเวลาในขณะนั้น ซึ่งความสามารถของ Alexa ก็หลากหลาย ทำได้ทั้งบอกอุณหภูมิ สภาพอากาศ สภาพการจราจร รวมถึงข้อมูลทั่วๆ ไป อย่างชื่อเมืองหลวงของประเทศ วันเกิดดารา คนดัง เป็นต้น

ลำโพง Amazon Echo ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และขายดีขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดในงาน CES 2017 ปีนี้ Amazon ก็เริ่มนำเฉพาะผู้ช่วยส่วนตัว Alexa ไปใช้กับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยี่ห้ออื่นด้วย

ฝั่งของผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ต่างก็มองเห็นถึงอนาคตของเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบ “สมาร์ท” กันมานานแล้ว เพียงแต่บริษัทเหล่านี้เก่งการพัฒนาฮาร์ดแวร์ ไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะมาทำระบบ AI หรือระบบวิเคราะห์เสียงพูดได้แบบเดียวกับที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่าง Google, Apple, Microsoft, Amazon ทำได้

เมื่อบริษัทเหล่านี้มาเจอกับ Amazon ที่ยินดีเปิดระบบ Alexa ให้คนอื่นใช้งาน ก็เรียกว่าเคมีตรงกัน ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์กันทั้งคู่ ฝั่งบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มีระบบสั่งการด้วยเสียงที่ฉลาดมากในบัดดล ในขณะที่ Amazon ก็ชิงพื้นที่ ขยายฐานผู้ใช้งาน Alexa ได้อย่างกว้างไกล ออกตัวแซงหน้าคู่แข่งรายอื่นๆ ทั้ง Google, Apple, Microsoft ไปได้ก่อน

ในงาน CES 2017 ปีนี้ เราจึงเห็นสินค้าหลายตัวที่ประกาศเชื่อมต่อกับ Alexa เช่น เครื่องซักผ้าจาก Whirlpool, ตู้เย็นจาก LG, หลอดไฟจาก GE, กล่องรับสัญญาณดาวเทียมจาก Dish, ลำโพงอัจฉริยะแบบเดียวกับ Echo ที่ผลิตโดย Lenovo, ของเล่นเด็กจาก Mattel บริษัทผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้

ฝั่งของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนก็มีบางรายที่ประกาศใช้ Alexa บ้างแล้ว เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Huawei (เฉพาะรุ่นที่ขายในอเมริกา) และในอีกไม่ช้า เราน่าจะได้เห็นรถยนต์ที่รองรับ Alexa แบบเดียวกัน

ต้องถือว่า Amazon ชิงจังหวะได้ดีมาก เนื่องจากบริษัททำลำโพง Echo ออกวางขายมาประมาณสองปี มีแต้มต่อเหนือคู่แข่งรายอื่นๆ ที่มีระบบสั่งการด้วยเสียงแบบเดียวกัน (Google เพิ่งออกลำโพงแบบเดียวกันชื่อ Google Home มาขายเมื่อปลายปีที่แล้ว ล้าหลัง Amazon ไปเกือบสองปี)

เรื่องนี้ถือเป็นก้าวที่น่าสนใจ ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะเห็น Alexa ยึดครองโลกเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทั้งหมดหรือไม่ บริษัทคู่แข่งรายอื่นๆ ยังมีพื้นที่ให้ยืนมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อ Alexa นำไปไกลมากแล้ว

 

Reviews

Comment as: