การกลับมาของ Firefox
By : Isriya Paireepairit
Firefox เคยเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกอย่างมาก ในทศวรรษยุค 2000s ต้นๆ ในช่วงที่เบราว์เซอร์ยอดนิยมคือ Internet Explorer ของไมโครซอฟท์ และแทบไม่ถูกพัฒนาใดๆ องค์กร Mozilla ก็เปิดตัว Firefox เบราว์เซอร์ตัวใหม่ที่มีจุดเด่นเรื่องความเร็ว และนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายในยุคสมัยนั้น ออกมาเขย่าวงการจนได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
Firefox กลายเป็นตัวกระตุ้นให้วงการเว็บกลับมาคึกคักอีกครั้ง และบีบให้ไมโครซอฟท์ต้องกลับมาสนใจพัฒนา Internet Explorer อย่างจริงจัง
ส่วนแบ่งตลาดของ Firefox เคยมีสูงสุดที่ 32% ในปี 2009 แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา กูเกิลก็เข้าสู่วงการนี้ด้วย Chrome ที่ดึงทีมงานของ Firefox ไปทำงานด้วยหลายคน โดย Chrome มาพร้อมกับจุดเด่นอันใหม่ว่าแต่ละแท็บจะแยกการทำงานออกจากกัน ถ้าเราเปิดเว็บที่ใช้ทรัพยากรเยอะ หน่วงเครื่องมาก ก็จะมีผลเฉพาะแค่แท็บนั้น ตัวโปรแกรม Chrome และแท็บอื่นๆ ก็จะยังทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา ในขณะที่ Firefox จะประสบปัญหาค้างไปทั้งโปรแกรม
เวลาผ่านมานานกว่าสิบปี ตอนนี้ Chrome ผงาดขึ้นเป็นเบราว์เซอร์หมายเลขหนึ่งของโลกแบบทิ้งห่าง มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 63% ในขณะที่ Firefox มีส่วนแบ่งตลาดเหลือประมาณ 13-14% เท่านั้น (แถมยังลดลงเรื่อยๆ)
ปัญหาของ Firefox เกิดจากตัวโปรแกรมพัฒนาช้าลงในช่วง 5-6 ปีให้หลัง ปัญหาประสิทธิภาพของโปรแกรมยังไม่ถูกแก้ไข และทีมงาน Firefox เอาเวลาไปสนใจเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานโดยตรง เช่น สนใจเรื่องมาตรฐานการแสดงผลของเว็บ หรือ ทำโครงการ Firefox OS ระบบปฏิบัติการคู่แข่งของ Android ที่ล้มเหลวจนต้องยกเลิกไป
ตรงนี้จึงไม่น่าแปลกใจนักที่อดีตแฟนๆ Firefox จะเริ่มปันใจ และย้ายมาใช้ Chrome ที่ใช้งานง่ายกว่า ตอบสนองได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทีมงาน Firefox ประกาศเตรียมกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง ขอโอกาสใหม่อีกครา โดยช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กลับไปทำการบ้านอย่างหนัก เตรียม “ยกเครื่อง” ใหม่ของ Firefox ให้ไฉไลกว่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีผลใน Firefox เวอร์ชัน 57 ที่มีกำหนดออกในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 แต่ก็นำข้อมูลมาเปิดเผยกันบ้างแล้ว
จุดสำคัญที่แฟนๆ เรียกร้องกันมานาน และทีมงานสามารถทำให้ได้สักที คือ การปรับปรุงเรื่อง “ความเร็ว” ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการเปิดโปรแกรม ความเร็วในการโหลดเว็บเพจ และลดการใช้งานทรัพยากรลงเมื่อเปิดเว็บจำนวนมากๆ
นอกจากความเร็วแล้ว Firefox ยังจะปรับหน้าตาใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือช่องค้นหาแยกเฉพาะจะหายไป กลายเป็นช่องแสดงที่อยู่เพียงช่องเดียว ใช้ค้นหาได้ด้วย (แบบเดียวกับ Chrome) รวมถึงยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ตามมาอีกมากในอนาคต
ผู้บริหารของ Mozilla คือ ซีอีโอคนปัจจุบัน Chris Beard ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ยอมรับความผิดพลาดในอดีตที่แล้วๆ มา เขาบอกว่าปัญหาของ Firefox เป็นเพราะไม่ยอมปรับตัวตามความต้องการของตลาด ไม่สนใจความต้องการของผู้ใช้ อดีตแฟนๆ ที่เหนียวแน่นของ Firefox ปัจจุบันจึงกลายเป็นผู้ใช้ Chrome ไปหมดแล้ว
ในฐานะอดีตแฟนของ Firefox ผมเห็นด้วยทุกประการว่า Firefox หลงทางไปหลายปี อย่างไรก็ตาม การกลับมาครั้งนี้เราก็ยินดีจะให้อภัย ถือเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของ Firefox ในการกลับมายิ่งใหญ่ ถ้าหากยังทำไม่สำเร็จอีก โมเมนตัมจะสูญเสียไปและไม่น่าจะกลับมาเป็นที่สนใจได้อีกเลย