รู้ภาษา คือ ประตูห้องสมุดชุดใหม่ของสมอง

By : Anon Pairot


ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยนะครับ ที่ไม่ได้เรื่องเลยในภาษาอังกฤษ แต่ในตอนที่ผมติดตามข่าวน้องหมูป่าได้พบนักประดาน้ำชาวอังกฤษ ทำให้ผมใจชื้นขึ้นเยอะว่าคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันนี้ก็เริ่มเห็นความสำคัญในภาษาที่สองกันบ้างแล้วใช่ไหมครับ
.
ในวันนี้ที่เราเชื่อมต่อกับคนทั้งโลกได้ง่ายมากขึ้นผ่านอินเตอร์เน็ตหรือช่องทางต่างๆ ความสะดวกสบายเดี๋ยวนี้คุณลองคิดดูว่าถ้าคุณมีความสามารถทางด้านภาษา ก็จะยิ่งเพิ่มอนุภาพ ในการสื่อสารและในการเจรจาธุรกิจของคุณได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นไปอีก ยิ่งถ้าคุณรู้ภาษาที่สามที่สี่ที่ห้า ก็จะยิ่งได้เปรียบเอามากๆ ในการทะลุทะลวงสิ่งที่คุณอยากจะติดต่อประชาสัมพันธ์และธุรการต่างๆ ผ่านมือถือของคุณด้านผลิตเสี้ยววินาที
.
ภาษามันไม่ใช่ทั้งหมดที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จหรอกครับ อาจจะมีคนบอกว่า Google สามารถแปล ทุกอย่างได้แล้ว แต่ Google นะครับไม่ได้สามารถอธิบายสิ่งที่อยู่ในใจ ในสมองหรือความรู้สึกลึกๆ ในใจของคุณจริงๆได้ เท่ากับคุณอธิบายสิ่งๆ นั้นออกไปด้วยตัวคุณเอง ภาษาจึงเป็นเครื่องมือที่จะเชื่อมต่อความคิดดีๆ ของคุณได้ถูกต้อง แม่นยำ และเหนือชั้นกว่านั้น หากความสามารถด้านภาษาที่คุณมีนั้นลึกซึ้ง ก็จะยิ่งมีชั้นเชิงและมีสุนทรียภาพในการเจรจา และติดต่อสื่อสารแบบทรงประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก
.
ในปี 2003 นะครับ อานนท์ได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ โอเคเรามีพื้นฐานที่สามารถเรียนจบปริญญาตรีมาได้ ทักษะภาษาอังกฤษของผมในขณะนั้นเรียกว่าสเนคสเนคฟิชฟิช เลยดีกว่า การเดินทางไปถึงนั้น ผมเองยังไม่เคยรับมือกับสำเนียงบริติชแบบจังๆ เสียเท่าไหร่ เจอด่านแรกของการเข้าประเทศ คือพี่ ตม. ที่นู่น โดยปกติแล้วก็คือถามอะไรทั่วๆ ไป ซึ่งผมก็ซักซ้อมมาอย่างดี
.
ปรากฏว่าพี่ ตม. เค้าถามผมในสำเนียงอังกฤษที่ผมไม่คุ้นหูว่า
“คุณมีคดีอาญาจากประเทศคุณมาหรือเปล่า”
“คุณมีของผิดกฎหมายหรือต้องเสียภาษีบ้างไหม”
“คุณมีวัตถุที่เสี่ยงกับการระเบิดวัตถุไวไฟติดตัวมาบ้างไหม”
เชื่อไหมครับว่า ทุกคำถามในตอนนั้น ผมฟังไม่ทัน เลยได้แต่ทำหน้าใสๆ ตอบไปแบบยิ้มแย้ม สไตล์คนไทยว่า
“Yes!”, “Yeah” “ok ok” พร้อมทำท่าแบบคูลๆ
.
เค้าถามผมย้ำอีกครั้งว่า คุณเข้าใจที่ผมถามใช่ไหม?
แน่นอนผมตอบกลับไปอย่างมั่นใจ “yeah!”
.
เรียบร้อยครับ ตม. เชิญอานนท์เข้าห้องตรวจสอบพิเศษทันที กว่าจะได้คุยกันช้าๆ เอาภาษาอังกฤษมาให้ผมอ่านว่าที่เค้าถามคืออะไร ผมนี่อายแทบมุดแผ่นดิน
.
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมนี่ต้องกลับมาลงเรียนภาษาอังกฤษกันใหม่แบบชุดใหญ่เลย เพราะเกือบเอาชีวิตไม่รอดในตอนนั้น
.
การที่คุณไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ได้หมายความว่าเราโง่นะครับ แต่จะทำยังไงล่ะในเมื่อคนอื่นเค้าไม่เข้าใจสิ่งที่คุณอยากจะสื่อสารด้วย ฉะนั้นการได้รู้ภาษาอื่นๆ ให้แตกฉานมากขึ้นไปอีก ก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างที่คุณอยากจะบอกมันตรงเป้า กระชับและเสียเวลาน้อยลงไปได้เยอะเลย
.
จริงๆ แล้วการได้เรียนรู้ภาษาต่างๆ ให้แตกฉานทีละเล็กทีละน้อยมันช่วยทำให้เรารู้เรื่องอื่นๆ เพิ่มขึ้นในมุมมองที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย แม้กระทั่งทักษะในการใช้ภาษาไทยเองก็เถอะ หากคุณแตกฉานมาก การอธิบายสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้ลึกซึ้งก็ยิ่งเกิดประโยชน์กับการเจรจาสื่อสารนั้นหลายเท่าตัว
.
ถ้ามีความเข้าใจในด้านภาษาเพิ่มขึ้น สมองเราไม่ใช่เพียงมีทักษะทางด้านภาษาเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว ภาษาแต่ละประเทศ ก็ได้แฝงนัยยะทางวัฒนธรรม ทัศนคติ ความเชื่อและมารยาททางสังคมของประเทศนั้นลงไปด้วย
.
ในโลกเรานี้มีภาษาที่ใช้แตกต่างกันมากกว่า 5,000 ภาษาเลยทีเดียว จริงๆ แล้วภาษาไทยก็คงมีแค่คนไทยนี่แหละที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน ลองเทียบกับประชากรทั้งโลก ยังมีคนอีกจำนวนมากนะครับที่เรายังไม่เคยติดต่อ พูดคุยหรือเจรจาธุรกิจด้วย และลองคิดดูว่ายังมีหนังสือ ตำราความรู้ที่ยังไม่ได้ถูกแปลเป็นภาษาไทยอีกเป็นจำนวนมหาศาล ยิ่งโลกเปลี่ยนและหมุนเร็วขึ้นทุกวันนี้ ความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาแทนที่ความรู้เก่า คนเขียนตำราเองก็ยังเขียนไม่ทัน จะให้ใครมารอแปลข่าวสาร ความรู้ใหม่ๆ นั้นให้ทันท่วงที เราอาจจะรู้และเข้าใจสิ่งนั้นล่าช้าตกยุคไปแล้วหลายช่วงตัว
.
ภาษาที่ผมพูดถึงอยู่อาจจะไม่ใช่เพียงภาษาที่เราใช้พูดคุย ผมรวมไปถึงภาษาทางด้านคณิตศาสตร์ ภาษาทางด้านศิลปะ ภาษาของดนตรี ภาษาของภาพเคลื่อนไหว และแม้กระทั่งภาษาใบ้ก็ยังถือว่าเป็นภาษาที่น่าสนใจ ที่หากคุณรู้มากขึ้น คุณก็ยิ่งมีอาวุธทางความคิดติดตัวมากไปกว่าคนอื่นๆ
.
มันคงดีมากๆ ครับ ที่การรู้ในภาษาต่างๆ ไม่ใช่แค่เพียงการรับรู้ภาษา การรับรู้เรื่องเดียวกันในภาษาที่หลากหลายคุณก็จะเห็นมุมมองที่แตกต่างกันไปด้วย และนั่นเองจะทำให้คุณพิเศษมากขึ้นอีก ถ้าคุณรู้จักใช้ภาษาให้เป็น ความคิดในสิ่งต่างๆ ที่คุณอยากให้ถอดมันก็จะยิ่งแหลมคม เสริมเติมเข้าไปในการงานและธุรกิจที่อาจจะดูธรรมดาให้มีความพิเศษขึ้นอีกมาก
.
ผมเคยไปทานร้านอาหารในต่างประเทศร้านหนึ่ง ในร้านเดิมแต่พนักงานที่มาดูแลผม ผลัดเปลี่ยนคนกันไป ผมสั่งอาหารเหมือนเดิม พนักงานคนแรกอธิบายอาหารแบบพื้นฐานทั่วไป แต่พอในอีกวันนึงพนักงานอีกคนทักทายผมด้วยภาษาไทย อธิบายอาหารจานเดิมที่ผมสั่งด้วยมุกแบบภาษาไทย “Aroi Jing Jing” มันทำให้อาหารจานนั้นของผมรู้สึกพิเศษ และอร่อยขึ้นทันที รู้สึกไม่แพง และใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้น นั่นก็เพราะพนักงานใส่ความรู้สึกความตั้งใจ ใส่ใจในงานที่เค้าทำ!!
.
ลองคิดดูสิครับว่าถ้าสินค้าไทย บริการดีๆ ของคนไทย ไม่ใช่เพียงแค่วัตถุที่ถูกส่งต่อออกไป แต่คนไทยสามารถเสริมเพิ่มมูลค่า โดยส่งต่อความรู้สึกดีๆ ที่อยากจะมอบให้ลูกค้าออกไปด้วย มันจะทรงคุณค่า และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากมายแค่ไหน แค่คุณพยายามนำสินค้าและบริการของคุณเข้าไปนั่งอยู่ในความรู้สึกของลูกค้าของคุณ
.
ความรู้ด้านภาษาอื่นๆ จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญของคนในยุคปัจจุบันไปสู่อนาคตได้อีกมากมาย เพราะโลกที่การสื่อสาร แพร่กระจายในวันนี้ ความเร็ว ความแม่นยำความถูกต้องในการสื่อสารจะเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปธุรกิจ จนไปถึงการพัฒนาสังคมให้มีมาตรฐานที่ยกระดับขึ้นไปอย่างมากมายทีเดียว

ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่า จะพัฒนาตนเองในเรื่องไหนก่อนดี ภาษาเลยครับ คุณจะได้รับทักษะอื่นๆ และมีความเข้าใจในเรื่องที่ต่างไปจากมุมมองคนไทยและวัฒนธรรมไทยได้อีกมาก ไปเรียนภาษาเพิ่มกันเร็ว เผื่อเราจะมีเรื่องอะไรใหม่ๆ ในชีวิตกันครับ

 

Reviews

Comment as: