“รู้จักตนเองผ่านงานอดิเรก” ตอนแรก

By : Anon Pairot


เคยสงสัยไหมครับ ว่าคนที่ประสบความสำเร็จที่เราชื่นชอบส่วนหนึ่งที่นอกจากการทำงานอย่างมุ่งมั่นของเขาแล้ว เราก็มักจะพบว่าเขามักมีงานอดิเรกหรืองานที่ชื่นชอบไว้ทำคั่นเวลาเสมอ ทั้งๆ ที่งานประจำก็ยุ่งอยู่แล้ว เค้าเหล่านั้นแบ่งเวลาอย่างไร? และเหตุใดจึงต้องมีงานอดิเรก? แล้วงานอดิเรกมีประโยชน์อะไรกับชีวิตเรา?
.

ยกตัวอย่างเช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ CEO ของ บริษัท Berkshire Hathaway เขาเคยกล่าวไว้ผ่านทางนิตยสาร Forbes ว่า เค้าหัดเล่นอูคูเลเล่ มานาน10 กว่าปีแล้วโดยพูดติดตลกว่า “ก็แค่ต้องการสร้างความประทับใจให้กับหญิงสาวคนหนึ่ง…”
.

บิลล์ เกตส์ ผู้ก่อตั้ง Microsoft กับงานอดิเรกคือการได้นั่งเล่นไพ่กับบรรดาเพื่อนสนิท และที่น่าสนใจ วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือ คู่หู ขาไพ่ของเขาที่เป็นคนแนะนำกิจกรรมเล่นไพ่ให้กับเขาเองซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะดูเป็นเรื่องแปลกของความหลากหลายที่มนุษย์แต่ละท่านมีความสนใจในกิจกรรมที่แตกต่างกันไป อาจดูไม่เกี่ยวเนื่องกับอาชีพหลักหรือชีวิตประจำวันเลยด้วยซ้ำ แต่ก็นี่แหละคือสิ่งที่น่าสนใจของ “งานอดิเรก” เพราะทุกๆ คนก็ล้วนมีงานอดิเรกได้ไงล่ะ ลองสังเกตคนใกล้ตัวคุณดู ก็จะรู้ว่าพวกเขาล้วนแต่มีงานอดิเรกที่แตกต่างกันไป ซึ่งที่น่าสนใจ หลายๆ ครั้งงานอดิเรกก็มักไม่ค่อยเกี่ยวกับธุรกิจหรืองานการที่เขาทำอยู่เป็นประจำเลยด้วยซ้ำไป หนักข้อไปกว่านั้น ยิ่งเลือกทำกิจกรรมที่ต่างไปสุดขั้ว บ้างออกไปทางไร้สาระ บ้างก็บ้าบิ่นอันตราย งานอดิเรกบางชนิดหลายคนทุ่มเงินทุ่มทองไปกับสิ่งนั้นมาก เรียกว่าแทบจะดูเหมือนเสพติดและกลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตเลยทีเดียว แล้วทำไม ยังต้องมีงานอดิเรกอยู่ล่ะ? เราเคยถามไหม? ว่างานอดิเรกให้อะไร? มีผลอะไรกับชีวิตของเรา?
.

บทความของผม จะมุ่งเน้นการสะกิดต่อมแนวคิดแก่ผู้อ่าน จะออกไปทางบันเทิงมากกว่าด้วยซ้ำ ผมไม่อยากจะมาเขียนสาธยายแนววิชาการ อารัมภบท หรือเขียนให้ต้องไปตีความตามพระราชบัญญัติใดๆ ให้ยืดเยื้อ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถลองไปค้นข้อมูลหาคำนิยาม คำว่า “งานอดิเรก” ที่ห้องสมุด หรือบนโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างไม่ยากเย็น ผมจึงจะขอเสนอแนะเรื่องงานอดิเรกนี้จากประสบการณ์และมุมมองส่วนตัวที่ได้เรียนรู้และได้รับประโยชน์จากการรู้จักและเรียนรู้หลายๆ อย่างจากการมีงานอดิเรก ที่ผมอัศจรรย์ใจเล็กๆ กับอานุภาพของงานอดิเรก!
.

สำหรับอานนท์แล้วงานอดิเรกเป็นเสมือน “สายลับ” ที่ดีในการตรวจสอบและสืบสวนความเป็นตัวเราที่น่าเป็นไปได้ ซึ่งเราไม่ค่อยได้รู้จักตัวเองในมุมอื่นเสียเท่าไหร่ เพราะคนส่วนใหญ่ดันชอบใช้เวลาและทุ่มพลังงานไปกับงานประจำหรืองานที่เราคิดว่ามันทำแล้วได้เงินไปเสียหมด จนไม่เหลือเวลาและพลังงานให้กับงานอดิเรกเลย ยิ่งคุณบอกว่า ตัวเองเป็นคนเก่งเท่าไหร่ เป็นคนทำงานจริงจังมากแค่ไหน หรือเป็นคนอินจริงจังกับเวลาทำงานมากเท่าไหร่ ก็ควรอย่างยิ่งที่จะต้องหัดแบ่งเวลาและพลังงานให้เหลือพอที่จะมีงานอดิเรกของตัวเองให้มากเช่นกัน ….
.

อานนท์เอง รู้สึกซีเรียสกับงานอดิเรกเอามากๆ จนแอบเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า “แท้จริงแล้วมนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานประจำ!!! เราเกิดมาเพื่อทำงานอดิเรกเท่านั้นโว้ย!!!”
.
หากเราสังเกตดูก็จะสามารถรู้ได้เลยว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดงานอดิเรกนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การมี “เวลาว่าง” แล้วถ้ามีเวลาว่าง มันมีความหมายอย่างไรซ่อนอยู่?
.

การมีเวลาว่าง ก็คือ ผลพวงของการมีงานประจำเพราะคำว่า “งานยุ่ง” ส่วนใหญ่เรามักใช้กับภารกิจหรืออาชีพที่ทำเป็นประจำ “เวลาว่าง” ก็คือผลพวงจากสิ่งนั้น แล้วมันทำให้เราเห็นอะไรล่ะ? ก็ไอ้เวลาว่างนี่แหละคือ ตัวบอกวิถีทางของชีวิตได้เลย เพราะเวลามีงานประจำเราก็จะผูกมัดเวลาส่วนใหญ่ไปกับมัน งานประจำ คืองานที่หารายได้หลักให้แก่ตัวเอง เราจึงมักใช้เวลามากที่สุดในการทำงานประจำ นั้นหมายความว่า “งานประจำ” คือ ช่วงเวลาที่คนไม่ค่อยใช้จ่ายเงิน เพราะเรามัวแต่งกๆ วุ่นวายกับการหาเงิน “เวลาว่าง” จึงเป็นอภิสิทธิ์พิเศษในแต่ละสัปดาห์ในแต่ละเดือน ในแต่ละปี หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาพักสั้นๆ เรามักจะเอาเงินที่หามาได้จากเวลาปกติ เอาความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดมาทุ่มให้กับเวลาว่าง
.

พูดง่ายๆ ก็คือ “เวลาว่าง” คือเวลาของการใช้เงิน เวลาว่างคือเวลาของการที่ตัวเราเองได้เลือกใช้เวลาที่คุ้มค่าที่สุด ช่วงเวลาว่างของชีวิตเราเทียบกับงานประจำ มักจะมีอยู่น้อย มันดูแปลกดีไหม ที่เวลาส่วนใหญ่ของคนมักชอบพูดว่าชีวิตตนเองทั้งหมดคืองานประจำ และส่วนใหญ่ที่ยุ่งไปในงานประจำ ภารกิจที่หลายคนเบื่อหน่าย ทุกข์ทรมาน ยิ่งมีความทุกข์มากเท่าไหร่จากภารกิจประจำ มีความเหนื่อยมากเท่าไหร่ คุณค่าของ “เวลาว่าง” ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น และเราก็มักลงโทษการมีเวลาว่างของเราด้วยการเอาเงินที่หามาได้จากงานประจำใส่ไปไหนเวลาว่าง ซึ่งบ่อยครั้งเข้า มันก็จะกลายเป็น “งานอดิเรก”

(ติดตามตอนจบนะคร้าบ….)

 

Reviews

Comment as: