ภาษาและความคิดสร้างสรรค์ – 1
By : Anusorn Tipayanon
พวกเราทุกคนรู้ดีว่าภาษาคือเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารระหว่างมนุษย์เรา พวกเรารู้ดีว่าภาษาเกิดจากเสียงที่มีคลื่นความถี่ที่เมื่อตกกระทบเข้ากับอวัยวะรับรู้เสียงอันได้แก่หู เราจะแปลงคลื่นเสียงที่ว่านั้นให้เป็นภาษา และจากภาษา เราจะเเปลงมันให้เป็นความคิด
.
มีภาษากว่าเจ็ดพันภาษาที่กำลังใช้กันอยู่ในโลกนี้ บางภาษามีเสียงที่ไม่คุ้นชิน บางภาษามีไวยากรณ์ที่ไม่เคยชิน บางภาษามีคนใช้เป็นจำนวนมาก บางภาษาถูกพูดและใช้กันเฉพาะกลุ่ม
.
คำถามที่น่าสนใจคือ “ภาษามีผลต่อการคิดและความคิดของเราหรือไม่ และถ้ามี มันมีผลมากหรือน้อยเพียงใด?”
.
เลรา โบโรดิสกี้ – Lera Boroditsky นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก้ ยกตัวอย่างงานวิจัยหนึ่งของเธอที่ข้องเกี่ยวกับชนเผ่าอะบอริจินในออสเตรเลีย ในกลุ่มอะบอริจินกลุ่มนั้น มีกลุ่มย้อยที่มีชื่อเรียกว่าพวก คุก ทายร์ (Kuuk Thaayorre) พวก คุก ทายร์ นั้นไม่มีภาษาหรือคำศัพท์ที่ใช้แยกระหว่างซ้ายและขวา แต่พวกเขาใช้ทิศแทนในการกำหนดตำแหน่ง อาทิ ขณะนี้กำลังมีมดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้คลานขึ้นไปบนขาของคุณ หรือคำทักทายในยามเช้าว่าคุณจะไปที่ไหน คำตอบจากพวกเขาแทนที่จะเป็นคำตอบธรรมดาสามัญ กลับเป็นคำตอบที่ซับซ้อนของทิศ เช่น ไปทางทิศเหนือและเลยไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสักเล็กน้อย การที่พวก คุก ทายร์ ใช้ลักษณะภาษาเช่นนี้ ทำให้พวกเขามีความแม่นยำเรื่องทิศสูงกว่าผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะผู้คนในเมืองใหญ่ๆ
.
ตัวอย่างเรื่องของภาษาอีกเรื่องคือ การนับจำนวน หากเรามีแมวอยู่แปดตัว แล้วเราตั้งคำถามกับลูกหรือเด็กน้อยว่า แมวทั้งหมดมีกี่ตัว เด็กจะเริ่มจับคู่แมวกับตัวเลขและตัวเลขสุดท้ายที่ออกเสียงได้จะเป็นจำนวนแมว แต่สมมุติว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในกลุ่มชนที่ไม่มีภาษาหรือคำศัพท์สำหรับเลขแปดเล่า อะไรจะเกิดขึ้น
.
ผู้คนที่ใช้ภาษาแตกต่างกันย่อมคิดแตกต่างกัน ภาษากว่าเจ็ดพันภาษาสร้างโลกที่แตกต่างกว่าเจ็ดพันโลก และนี่เป็นสิ่งที่ต้องตระหนัก ยกตัวอย่างเช่นในภาษาเยอรมัน สะพานมีลักษณะนามเป็นเพศหญิง ดังนั้นคำพรรณาสะพานในภาษาเยอรมันจึงเป็นไปในทางที่อ่อนหวาน เช่น สะพานนี้สวยดีหรืองดงามดี ในขณะที่ในภาษาสเปน สะพานมีลักษณะนามเป็นเพศชาย คำพรรณนาสะพานในภาษาสเปน จึงเป็นไปในทางเข้มแข็ง เช่น สะพานนี้แข็งแรงดีนะ เป็นต้น
.
การเข้าใจภาษาที่แตกต่าง นอกจากจะทำให้เราเห็นความคิดที่แตกต่างแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกด้วย จอห์น เเมควอรเทอร์ – John McWhorter นักวิชาการด้านภาษาศาสตร์เสนอแนะว่า เราควรหัดเรียนภาษาใหม่อยู่เสมอ โดยเขาให้เหตุผลที่สำคัญ 4 ประการ
.
ประการที่ 1 : การเรียนภาษาใหม่จะทำให้เราสามารถเข้าใจ และเข้าถึงวัฒนธรรมของเจ้าของภาษานั้นๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น หรือกล่าวง่ายๆ ก็คือเราจะเข้าใจรหัสที่พวกเขาใช้ในการสื่อสารระหว่างกันนั่นเอง
.
ประการที่ 2 : การใช้ภาษาที่มากกว่าหนึ่งภาษา จะทำให้สมองของเรามีสุขภาพที่ดี มีการค้นพบว่าผู้ที่ใช้ภาษานอกเหนือจากภาษาแม่ของตนเองได้คล่องแคล่ว จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมได้น้อยกว่าคนทั่วไป
.
ประการที่ 3 : การเรียนภาษาใหม่และออกเสียงจะสร้างความเพลิดเพลินให้กับเรา เช่น การได้พบการละเล่นแปลกๆ ที่ไม่คุ้นชินที่ก่อประโยชน์ในระยะยาว และ
.
ประการที่ 4 : ไม่มียุคใดอีกแล้ว ที่การเรียนภาษาใหม่จะกระทำได้ง่ายเช่นปัจจุบัน เราสามารถเรียนจากทางเวปไซต์ อินเทอร์เนต แอพพลิเคชันบนมือถือ ภาษาไม่ใช่สิ่งของที่หายาก ที่เรียกร้องให้เราต้องแต่งเครื่องแบบ เดินทางไปลงทะเบียน และเข้าไปนั่งหลับแล้วหลับอีกในห้องเรียนอีกต่อไป