ผูกมิตรเช่นสุนัขป่า

By : Anusorn Tipayanon


มีหลักฐานที่น่าสนใจว่าสุนัขเดินเคียงข้างมนุษย์เรานับแต่ยุคหินแล้ว โดยนักโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ได้พบว่ามนุษย์ยุคหินได้เปลี่ยนสุนัขป่าให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงในยุคสมัยของเขา สุนัขยุคหินนั้นปรากฏในแถบเอเชียอันได้แก่ในเขตประเทศ จีน ไทย กัมพูชา ธิเบต เกาหลี และญี่ปุ่น ปีเตอร์ ซาโวไลเน่น – Peter Savolainen รองศาสตราจารย์ด้านไบโอเทคแห่งสถาบันเทคโนโลยีในสต๊อคโฮล์ม ประเทศสวีเดน ได้พบว่าสุนัขเลี้ยง (Canis Familiaris) ในดินแดนแถบนั้นมีรหัสทางพันธุกรรมใกล้เคียงกับสุนัขป่า (Canis Lupus) และเชื่อว่าการกลายพันธุ์ที่ว่ากินเวลาราว 15,000 ปีนับจากปัจจุบัน หลังจากนั้น เชื่อได้ว่าสุนัขได้ติดตามการอพยพของผู้เป็นเจ้าของจากดินแดนเอเชียเข้าสู่ดินแดนอเมริกาโดยผ่านไปทางไซบีเรีย ข้ามช่องแคบเเบริ่ง และลงไปยังอลาสก้าในเวลาต่อมา
.
อย่างไรก็ตาม การที่ซากฟอสซิลเก่าแก่ที่สุดของสุนัขเลี้ยงที่ค้นพบมีอายุเพียงเจ็ดพันปี การตั้งสมมุติฐานที่ว่าสุนัขเลี้ยงได้เริ่มกลายพันธ์มาถึงหนึ่งหมื่นปีจึงถูกโต้แย้ง Juliet Clutton – Brock นักธรรมชาติวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยลอนดอนกล่าวว่าการคาดการณ์การกลายพันธ์เป็นสองเท่าของประวัติศาสตร์ของสุนัขเลี้ยงดูจะเกินจริงเกินไป
.
การแสวงหาอายุที่แท้จริงของสุนัขเลี้ยงตัวแรกอาจจะยังไม่ยุติ แต่ข้อสรุปที่แน่นอนคือสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดแรกของมนุษย์ สาเหตุนั้นมาจากการที่สุนัขมีความสามารถในการค้นหาอาหารได้ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น ลิงอาจเป็นสัตว์ที่ดูเข้ากับมนุษย์และคล้ายคลึงกับมนุษย์มากกว่า แต่สุนัขสามารถถูกฝึกได้ การมองตามสายตาของผู้เป็นนายเพื่อนำสัตว์ที่ล่ามามอบให้ หรือการปกป้องอันตรายจากสัตว์อื่น สุนัขมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมมากกว่าสัตว์ใดๆ อย่างไรก็ตาม การกลายพันธ์ของสุนัขบ้านจากสุนัขป่าก็ยังคงทิ้งร่องรอยหลายอย่างไว้ในตัวของมัน อาทิ การหวงแหนพื้นที่ การออกไล่ล่าหรือเข้าทำร้ายสิ่งใดแบบเป็นฝูง และการยอมรับสุนัขในฝูงเหมือนดังพี่น้องของมันเอง พฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ล้วนถูกถ่ายทอดลงมานับหลายพันปี
.
กระนั้นยังมีข้อโต้แย้งหลายประการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัข เป็นมนุษย์ที่เข้าหาสุนัขหรือสุนัขที่เข้าหามนุษย์กันแน่ ในความสัมพันธ์แบบแรกมีความเชื่อว่ามนุษย์คนหนึ่งพบลูกสุนัขป่าโดยบังเอิญและนำมันกลับมาเลี้ยง จนในที่สุดมันกลายเป็นสุนัขที่ช่วยเหลือในการล่า ข้อโต้แย้งต่อความเชื่อนี้มีอยู่ว่าในช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มต้นผูกสัมพันธ์กับสุนัขคือเจ็ดพันปีนั้น มนุษย์มีความสามารถในการล่าอย่างสูงจนแทบไม่ต้องพึ่งพาสุนัขแล้ว สัตว์ที่เป็นคู่แข่งกับมนุษย์อย่างไฮยีน่าถูกทำให้ถอยร่นจนแทบสูญพันธ์ นอกจากนี้ การเลี้ยงสุนัขป่ายังหมายถึงการต้องแบ่งปันอาหารจำนวนมากให้พวกมันด้วย กวางหนึ่งตัวสามารถเลี้ยงสุนัขป่าได้เพียงสิบวันเท่านั้นเอง ดังนั้นหากจะมีสุนัขป่าไว้ในครอบครอง ผู้เลี้ยงจะต้องออกแรงหาอาหารมากขึ้นกว่าปกติเป็นแน่
.
ความเชื่อหรือสมมุติฐานที่สองคือสุนัขป่าเป็นฝ่ายเข้ามาผูกมิตรกับมนุษย์เองเพื่อความอยู่รอดของมัน การที่มนุษย์ได้กลายเป็นเผ่าพันธ์ที่สามารถบุกรุกและครอบครองพื้นที่มากขึ้นทุกขณะทำให้สุนัขป่าไม่มีทางเลือก ค่ำคืนหนึ่งในขณะที่มนุษย์กำลังทำการย่างเนื้อสัตว์ที่หามาได้นั้น มีเสียงร้องโหยหวนอยู่ไม่ไกล และแล้วสุนัขป่าตัวหนึ่งก็ออกมาจากป่า เดินตรงมาหามนุษย์ หมอบลงและยอมตนเป็นมิตร มนุษย์คนหนึ่งโยนเศษอาหารให้แก่มันและหลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัขป่าก็เริ่มต้นขึ้น
.
หลายสิ่งที่เชื่อว่าสุนัขป่าเปลี่ยนแปลงตนเองให้เข้ากับมนุษย์คือการที่มันมีหางที่ยาวขึ้นเพื่อใช้กวัดแกว่งเวลาที่แสดงถึงความเข้าใจในคำสั่ง มีหูที่ยาวและสามารถพับลงได้เพื่อแสดงอาการเป็นมิตร ขนที่สั้นลงและที่เหนือสิ่งอื่นใดคือการพัฒนาระบบการย่อยอาหารที่สามารถย่อยแป้งอันเป็นอาหารของมนุษย์ได้ในขณะที่สุนัขป่าปัจจุบันไม่มีระบบการย่อยอาหารที่ว่านี้ วิวัฒนการทั้งหลายทำให้สุนัขและมนุษย์เติบโตไปพร้อมกันและทำให้ปัจจุบันไม่มีสัตว์ชนิดใดที่เข้าใจมนุษย์ได้ดีที่สุดเท่ากับสัตว์ที่เรียกว่า – สุนัข

 

Reviews

Comment as: