การเล่าเรื่อง ทักษะของการเข้าใจคนอื่น และเข้าใจตนเอง

By : Anon Pairot


ทำไม เราต้องจ่ายเงินไปฟังพี่โน๊ตอุดมเดี่ยวไมโครโฟนมาถึงปีที่ 12 แล้ว แค่คนคนเดียวเล่าเรื่องธรรมดาในมุมมองที่พิเศษออกไปมีมูลค่าถึงเพียงนี้เลยหรือ?
.
เพื่อนผมหลายคนที่ไปฟังพี่โน๊ตเดี่ยวไมโครโฟนมา ออกมาเล่าให้ผมฟังถึงมุกตลกต่างๆ ที่พี่โน้ตเล่าบนเวที เรื่องๆ เดียวกันทำไมเพื่อนผมไม่ตลกเหมือนพี่โน้ตเราสดๆ ให้เราฟังนะ?
.
งั้นลองนึกถึงเพื่อนใกล้ๆ ตัวคุณก็ได้ครับ บางคนเล่าเรื่องอะไรก็ตลกได้ กับบางคนที่เราเรื่องอะไรก็ไม่ตลกสักอย่าง มันเป็นเพราะอะไรกันนะ?
.
มากไปกว่าการเล่าเรื่องตลก การเล่าเรื่องให้มีความซาบซึ้งกินใจ ก็มีพลังอานุภาพมากมายเช่นเดียวกัน ซึ่งเราสามารถเห็นในหลายหลายธุรกิจสร้างสรรค์วันนี้เลยครับ ว่าการมี storytelling ที่ดี เป็น key สำคัญมากๆ ในการสร้างแบรนด์
.
ศรีจันทร์ประสบความสำเร็จมากในการพิสูจน์ว่าสินค้าไทยก็สามารถยึดครองความเชื่อถือและสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยได้
.
แล้วยังมีอีกหลากหลายแบรนด์เลยนะครับที่ให้ความสำคัญมากในการส่งใจความสำคัญและเนื้อหาที่มีความแข็งแรงไปสู่กลุ่มเป้าหมายผู้รับสารอย่างมีประสิทธิภาพ
.
ในโลกที่ทุกวันนี้คุณหรือใครก็ได้สามารถมีช่องทางติดต่อสื่อสารกับทุกคนบนโลกนี้ได้อย่างเสรีว่าจะเป็น YouTube Facebook Instagram และแอพแชทใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ทำให้ทุกคนสามารถเล่าเรื่องหรืออธิบายสิ่งที่ตัวเองอยากสื่อสาร อยากขายของ อยากทำธุรกิจ อยากประชาสัมพันธ์เรื่องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
.
มีเด็กวัยรุ่นมากมายนะครับ ที่ใช้ทักษะการเล่าเรื่องต่างๆ เหล่านี้ผ่านช่องทางง่ายๆ ที่เขาสะดวก กลายเป็นนักรีวิวเกมส์ รีวิวที่ท่องเที่ยว รีวิวสินค้า เล่าข่าวให้ได้สีสันอรรถรส จนไปถึงขายของออนไลน์ไม่ต้องมีหน้าร้านด้วยซ้ำไป ด้วยการใช้ประสิทธิภาพของการสาธยาย พรรณนา จัดการ การเล่าเรื่องที่มีประสิทธิภาพและมีอรรถรส
.
ฉะนั้น ทักษะของการหัดเล่าเรื่องให้มีประสิทธิภาพ ก็น่าจะเป็นทักษะที่คนรุ่นใหม่ควรจะต้องเรียนรู้และนำมาใช้พัฒนาตนเองได้แล้วในวันนี้ ใช่ไหมครับ
.
ผมเองที่อยากจะแนะนำความน่าสนใจที่จะมาแบ่งปันกับน้องๆ ในวันนี้ว่า ทำไมการมีทักษะของการเล่าเรื่องที่ดีจะเป็นประโยชน์ในยุคสมัยปัจจุบัน ซึ่งในเบื้องต้นคงไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องมาเป็นนักโฆษณา นักเขียน นักประพันธ์ นักเดี่ยวไมโครโฟน หรือนักสร้างแบรนด์มืออาชีพกันหมด
.
สำหรับผมแล้วแค่เรารู้จักที่จะส่งสาร ที่เราอยากจะสื่อสารในชีวิตประจำวันหรือไม่กระทั่งในการทำงาน คุณก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากนะครับ ในการพัฒนาทักษะส่วนตัวของคุณเองให้มีความผิดพลาดในการสื่อสารน้อยลง ยิ่งไปกว่านั้นคือสื่อสารได้ดังเป้าหมายที่ใจอยากจะบอกออกไป ก็เป็นการสร้างคุณอนันต์ อย่างมากในการใช้ชีวิตร่วมสมัยวันนี้
.
การเล่าเรื่องที่ดีนะครับ จริงๆ แล้วสามารถ search ค้นหาหลักการ เทคนิคต่างๆ และหาอ่านได้อย่างมากมายแล้วทั้งในโลกอินเตอร์เน็ต หรือตำราดีๆ ก็มีคนเก่งๆ มาแนะนำให้คุณหาอ่านได้ไม่ยาก มีทั้งแบบระดับเบื้องต้นจนไปถึงระดับปรมาจารย์การโน้มน้าวจิตใจกันเลยทีเดียว
.
สำหรับผมเองนั้น อยากขยายความไว้ว่าการที่เราอยู่ในยุคที่มีช่องทางการสื่อสารมากมาย ไม่ว่าจะรูปแบบการเขียนส่งข้อความเป็นตัวอักษร การเล่าเรื่องพรรณนาเพียงแต่เสียง การเล่าเรื่องเชิงสัญลักษณ์ผ่าน visual หรือรูปภาพต่างๆออกไป จนรวมไปถึงมาเต็มรูปแบบ อย่างภาพเคลื่อนไหววิดีโอ และการ live สด และอาจจะมีอีกหลากหลายรูปแบบของการสื่อสารวันนี้ ที่สำคัญเอามากๆ ที่เราควรจะมีความละเอียดรอบคอบในการเล่าเรื่องสงสารออกไปอย่างมีความรับผิดชอบ อย่างน้อย ถ้าไม่ก่อให้เกิดผลดี คุณก็ไม่ควรได้รับผลเสียจากการเล่าเรื่องสื่อสารที่ขาดทักษะของการอธิบาย จากสร้างประโยชน์ให้กลายเป็นโทษต่อตัวคุณเอง เห็นไหมล่ะครับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่สำคัญไปแล้ว
.
หลายคนอาจจะมองว่า ตนเองพูดไม่เก่ง เขียนไม่เก่ง เจราจาไม่เก่ง จึงเลือกที่จะมองข้าม การพัฒนาตนเองในด้านนี้ แต่สำหรับตัวผมเองก็ไม่ได้มองว่าการพูดเก่ง เขียนเก่ง เจรจาเก่ง จะเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี บางทีพูดน้อย เขียนน้อย เจรจาไม่ต้องมาก แต่มีประสิทธิภาพและแอบมีศิลปะอีกนิดหน่อย อาจจะเป็นการเล่าเรื่องที่ฉลาดกว่าด้วยซ้ำไป
.
ทั้งนี้ไม่ได้หมายรวมไปถึงการเล่าเรื่องเกินจริง การโกหก การประพันธ์เหนือจินตนาการ แค่เล่าเรื่องได้ดั่งใจ มีจังหวะจาบโคน มีกาลเทศะ มีความจริงใจ มีความจริงใจ แค่นี้ก็สร้างคุณประโยชน์อันมากมายให้กับการพัฒนาตนเองอย่างดีเยี่ยมแล้ว
.
การเล่าเรื่อง หรือในภาษาอังกฤษ จะเรียกว่า storytelling ที่ได้ยินบ่อยๆ ในการนำมาใช้สร้าง แบรนด์ ใช้ในงานออกแบบอย่างมากในช่วงนี้ มันก็คือวิธีการดึงความรู้ สาระแก่นสารออกมาเรียบเรียง และสื่อสารที่ผสมผสานเนื้อหากับบริบทนั้นๆ ให้มีอารมณ์ความรู้สึก ความน่าเชื่อถือของการเล่าสารนั้นๆ ให้ลงตัวเหมาะกับตัวเราเอง และผู้ที่รับฟัง รับข้อความสื่อสารเรามากที่สุด ซึ่งแน่นอนในเรื่องเดียวกัน ผู้เล่าที่แตกต่างกัน และผู้ฟังที่แตกต่างกัน เพราะจะต้องใช้วิธีการเล่าเรื่องที่แตกต่างกันออกไปเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทและกาลเทศะ
.
การเล่าเรื่องที่น่าสนใจ อาจจะหมายถึงการนำเรื่องราวต่างๆ มาเล่าหรือมาพูดให้ผู้อื่นเข้าใจอย่างลงตัว และมากไปกว่าความเข้าใจก็คือ สามารถรู้สึก ถึงอารมณ์ ถึงรสชาติ และจินตนาการตามไปกับการพรรณา อธิบายข้อความนั้นๆ ได้ด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าหากคุณอยากเล่าเรื่องให้น่าสนใจ คุณต้องรู้จักเตรียมตัวอย่างมากในการที่จะบอกสิ่งต่างๆ นั้นออกไป เช่น การเลือกเรื่องหรือประเด็นหัวข้อให้เหมาะสมกับผู้ฟัง และเครื่องมือที่จะใช้ ประกอบกับถ้าคุณมีความเข้าใจในเรื่องนั้นอย่างดี ศึกษาและทบทวนมาแล้ว ก็จะยิ่งทำให้ประเด็นใจความและรายละเอียดต่างๆ นั้นถูกส่งไปยังครบถ้วน
.
ซึ่งสิ่งสำคัญในการเล่าเรื่องนั้น อาจจะไม่ได้สำคัญที่ปริมาณหรือความเยอะของเนื้อหา การเลือกใช้ภาษาที่ง่ายๆ มีจุดสำคัญที่ชัดเจน และลำดับเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบได้น่าสนใจ น่าจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่ควรมีสติ นึกถึงอยู่เสมอในการถ่ายทอดออกไป
.
และจะยิ่งพิเศษขึ้นไปอีกนะครับ หากการเล่าเรื่องของคุณมีเทคนิคส่วนตัวเข้าไปเสริม เช่น การใช้น้ำเสียงหนักเบา สูงต่ำ มีการใช้ท่าทางและมือมาช่วย จนไปถึงสิ่งที่สำคัญมากๆ ก็คือการแสดงออกทางสีหน้าที่สอดคล้องกับเรื่องที่คุณกำลังบอกเล่าอยู่ ความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในเนื้อหาสาระนั้นก็จะทำให้คนที่รับฟังได้เข้าใจและรู้สึกตามไปกับคุณได้อย่างดี
.
จริงๆ แล้วการเล่าเรื่องที่ดีมีเทคนิคมากมายเลยทีเดียว ผมก็อยากชวนให้ทุกท่านลองนำไปฝึกใช้ในชีวิตประจำวันดู ทักษะของการเล่าเรื่องไม่ได้มีประโยชน์ต่อผู้รับสารของคุณเพียงอย่างเดียว หากคุณมีความเข้าใจในการเล่าเรื่องที่ดี คุณจะได้รับทักษะของการจับใจความ ประเด็นสาระ ในชีวิตตัวเองที่ดีขึ้นด้วย หากคุณอยากจะรู้ว่าคุณรู้เรื่องที่คุณมั่นใจว่าคุณรู้เรื่องนั้นดีจริงๆ แล้วหรือยัง ก็ลองเช็คความเข้าใจนั้นด้วยการอธิบายเรื่องที่คุณรู้ให้ผู้อื่นฟังดู คุณอาจจะรู้เลยว่ามีสิ่งใดที่คุณจะต้องไปหาความรู้เพิ่มหลังการเล่าเรื่องที่ไม่เป็นสับปะรด ได้ทันที

 

Reviews

Comment as: