การละเล่นแห่งนักสู้

By : Anusorn Tipayanon


เย็นวันหนึ่ง ผมเดินออกจากบ้านพักในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในชนบท ชุดโปร่งสบายของผมในวันนั้นเป็นไปเพื่อการวิ่งออกกำลังกายในยามที่แดดอ่อนแรง สนามกีฬาเดียวที่มีในบริเวณนั้นอยู่ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน ขนาดของสนามไม่ใหญ่โตนัก แต่ถูกใช้งานอย่างครบถ้วน แต่ละมุมของสนามมีกระเป๋านักเรียนถูกวางแทนตำแหน่งเสาประตู วงฟุตบอลเริ่มต้นแล้วในบางคู่ ในขณะที่ตรงบริเวณหัวกระโหลกกลางสนามมีกลุ่มนักเรียนหญิงตั้งแถวกางหนังยางเป็นเส้นยาว แล้วผลัดกันกระโดดไปมาอย่างสนุกสนาน ส่วนนักเรียนคนอื่นที่ยังไม่พึงใจกับกิจกรรมใด พากันขึ้นไปนั่งและนอนเหยียดยาวบนอัฒจรรย์ไม้ที่เก่าพอแรง เนื้อไม้เปลี่ยนสีไปมากแล้ว ไม่นับโครงเหล็กที่สีเดิมของมันเปลี่ยนเป็นสีสนิมแทนสีดั้งเดิมไปแล้ว
.
ผมเริ่มออกวิ่งจากมุมหนึ่งของสนาม โดยใช้ทิศทางตามเข็มนาฬิกาไปเรื่อยๆ รอบที่หนึ่งผ่านไปอย่างไม่มีปัญหากับเข่าและความเหน็ดเหนื่อยในกาย แต่หลังจากผ่านไปสามรอบ ผมก็รู้สึกหอบขึ้นมา การวิ่งในสนามดินที่ไม่ราบเรียบทำให้จังหวะออกแรงนั้นไม่สม่ำเสมอ ไม่น่าเชื่อว่าสนามแบบนี้เป็นสนามที่ผมใช้เล่นกีฬามาแต่เด็ก แต่บัดนี้ มันกลายเป็นพื้นที่ที่ผมไม่คุ้นชินอีกต่อไปแล้ว
.
ผมตัดสินใจหยุดการวิ่ง มองหาตำแหน่งที่จะพักกายได้แม้ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ยังดี พื้นที่ของอัฒจรรย์นั้นคงต้องตัดทิ้งไป แทบจะไม่มีที่ว่างเหลืออยู่บนนั้น บริเวณเดียวที่เป็นไปได้คือ ใต้ต้นหูกวางขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากมุมธงของสนามด้านหนึ่งไปไม่ไกล ผมลากขาไปที่นั่น ทิ้งตัวลงที่โคนต้นหูกวาง เอนหลังพิงกับลำต้นขนาดใหญ่ ใบดกหนาของต้นหูกวางให้ความร่มเย็นและผ่อนคลายกับผมแทบจะทันที ผมกวาดใบแห้งของมันที่หล่นอยู่ตรงโคนต้นได้เป็นกองขนาดใหญ่ และใช้รองเป็นที่นั่ง ราวสิบนาที ต้นหูกวางต้นนั้น ก็กลายเป็นดังพื้นที่ส่วนตัวสำหรับการพักผ่อนของผมไม่ต่างจากร้านกาแฟติดแอร์ชั้นดีในเมืองใหญ่
.
ลูกฟุตบอลลูกหนึ่งวิ่งผ่านมาทางผม และหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที หนุ่มน้อยคนหนึ่งก็วิ่งตามมา ผมโยนลูกฟุตบอลลูกนั้นกลับไปให้เขา ทั้งภาพของเขา ทั้งความนุ่มนวลของใบหูกวางที่ผมใช้แทนที่นั่งดึงผมย้อนกลับไปสู่อดีต อดีตที่กินเวลานานนับสิบปี
.
ในวัยเด็ก โรงเรียนของผมนั้นตั้งอยู่กลางทุ่ง ทำให้สนามฟุตบอลของเราถูกล้อมรอบด้วยท้องนาทั้งสี่ด้าน บ่อยครั้งที่เมื่อลูกบอลหลุดออกจากสนาม มันจึงไปลงเอยอยู่ที่นาของใครสักคนเสมอ และเมื่อเราฝ่าไปเก็บลูกบอลกลับมาสู่สนามได้ แข้งขานักบอลแต่ละคนก็แทบจะเลอะไปด้วยโคลน เกมส์ที่เหลือเต็มไปด้วยสภาพเสื้อผ้าที่มอมแมมและหลังจากที่ลูกบอลตกไปในท้องนาเป็นรอบที่สิบ พวกเราทุกคนก็จะลงความเห็นว่า ได้เวลายุติการแข่งขันแล้ว เก้าสิบนาทีไม่ใช่ระยะเวลาบนสนามของเรา สภาพที่ยกขาขึ้นจากโคลนที่ติดตามเท้าต่างหากที่เป็นตัวกำหนดการแข่งขัน กระนั้นการละเล่นของเราก็ยังไม่สิ้นสุด ต้นหูกวางที่ขึ้นอยู่ตามคันนาต่างหากคือการละเล่นต่อไป พวกเราจะเก็บใบหูกวางแห้งที่หล่นให้มากที่สุด แล้วตรงไปยังหนองน้ำรกเรื้อที่อยู่หลังโรงเรียน ที่นั่นแต่ละคนจะเริ่มต้นการโจนลงไปในน้ำเพื่อค้นหาปลากัดป่าที่บางครั้งแอบมาก่อหวอดในบริเวณใกล้ๆ การดักปลากัดขึ้นมาได้จะลงเอยด้วยการปล่อยมันลงในขันแตกๆ หรือภาชนะที่เราหาได้ สังเวียนการต่อสู่ที่ว่านั้นจะดำเนินไปจนได้ผู้แพ้ ผู้ชนะ คู่แล้วคู่เล่าจนตะวันตกดิน หลังจากนั้น ต่างคนต่างพาปลาดักของตนเองใส่ถุงพลาสติกใสที่หาได้จากสายน้ำ ใส่ใบหูกวางแห้งลงไปเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ และเร่งสีของปลากัดแต่ละตัวให้งดงามขึ้น กิจกรรมที่ว่าดำเนินไปเช่นนั้น เราทุกคนพกขวดปลากัดมาที่โรงเรียน เล่นบอลจนเนื้อตัวเลอะเทอะและก็ล้างตัวในหนองน้ำก่อนจะปะทะกันอีกครั้งผ่านปลากัดของแต่ละคน
.
การละเล่นที่ว่าดูจะห่างไกลจากโลกปัจจุบัน หนุ่มน้อยที่จบเกมส์ฟุตบอลของเขาซ้อนท้ายจักรยานของเพื่อนไปยังร้านเกมส์คอมพิวเตอร์ การแข่งขันต่อไปของเขามีขึ้นที่นั่น เขาไม่ได้ต้องการใบหูกวางแห้งอีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องการคือคูปองซื้อเวลาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงแทน แต่กระนั้นรูปแบบของชีวิตของเขาโดยรวมก็ไม่แตกต่างจากผม เราจำเป็นจะต้องมีเวลาแห่งการเรียนและการเล่นควบคู่กันไป ร่างกายของเราต้องการกิจกรรมที่ออกกำลังทางสมองและกล้ามเนื้อ เราเรียนรู้ผ่านตำราและเรียนรู้ชีวิตผ่านโลกนอกห้องเรียน
.
พระอาทิตย์ตกดินในที่สุด ผมหยิบใบหูกวางสี่ถึงห้าใบติดตัวกลับบ้านพัก พรุ่งนี้เช้าผมคงตื่นเช้าที่สุดและน่าจะได้เวลาออกตามหาหนองน้ำแถวนี้ ฤดูฝนในแถบนี้เริ่มต้นแล้ว และผมหวังว่ายังคงมีหวอดปลากัดหลงเหลืออยู่ในหนองน้ำ ผมหวังเช่นนั้น

รูปภาพ :เครดิต : https://pixabay.com/en/fish-fighting-fish-black-background-2008356/

 

Reviews

Comment as: