ลูกบิด 4.0
By : Jakkrit Siririn
ในแวดวงธุรกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในหมู่ StartUp ทั่วทุกมุมโลก KickStarter เป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
.
KickStarter เป็นเว็บไซต์ระดมทุนเพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์สินค้าและบริการสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ เพื่อส่งเสริมการริเริ่มดำเนินธุรกิจหรือ StartUp และ SME ระดับสากล
.
เมื่อเร็วๆ นี้ มีสินค้าหนึ่งซึ่งน่าสนใจปรากฏใน www.kickstarter.com/projects/1928372437/gocube-the-classic-puzzle-reinvented นั่นก็คือ “ลูกบิด 4.0”
.
อันที่จริง คำว่า “ลูกบิด” เป็นคำเรียกเฉพาะในประเทศไทย ที่เสียงเพี้ยนมาจากคำว่า “รูบิค”
“รูบิค” ตั้งชื่อขึ้นตามชื่อของ “เออร์โน รูบิค” สถาปนิกชาวฮังการี ผู้ค้นคิดประดิษฐ์เจ้าของเล่นชิ้นนี้ขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1974
.
การประดิษฐ์ “รูบิค” ของ “เออร์โน รูบิค” นั้นได้มีการแย่งชิงการจดสิทธิบัตรกันอย่างมากมาย และการฉกฉวยนำเอาต้นแบบ “รูบิค” ของเขา ไปผลิตเป็นสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งปรากฏความขัดแย้งขึ้นอย่างมากในตอนนั้น
.
เห็นได้จาก กว่าที่ “รูบิค” ซึ่ง “เออร์โน รูบิค” คิดค้นไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1974 กว่าจะได้รับการผลิตเป็นสินค้าในอุตสาหกรรมของเล่นได้ก็ปาเข้าไปปี ค.ศ.1980 นั่นย่อมหมายถึง การต่อสู้แย่งชิงลิขสิทธิ์นั้นยาวนานถึง 6 ปีด้วยกัน
.
อย่างไรก็ดี “รูบิค” ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวยืนระยะมาได้ถึง 30 ปี แถมยังมีแฟนรุ่นใหม่ที่ติดตามกันอย่างเหนียวแน่น ทั้งแฟน “รูบิค” ในระดับสากล (ดูได้ในเวบไซต์ www.rubiks.com) และแฟนพันธุ์แท้ “รูบิค” ในเมืองไทย (ตามคลิกได้ที่ www.thailandcube.com)
.
ย่างเข้าสู่ปีที่ 45 ของ “รูบิค” ที่ปัจจุบันดูเหมือนว่า “เออร์โน รูบิค” จะเลิกสนใจประเด็นลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาของ “รูบิค” ไปนานแล้ว เพราะตามจับกันมาเกือบ 50 ปี ตั้งแต่ยุค 1980 ถึงปัจจุบันกันเลยทีเดียว ก็ยังตามจับ “ลูกบิด” ปลอมกันยังไม่เสร็จ
.
ว่ากันว่า “รูบิค” ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงต้นของทศวรรษ 1980 และได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมสมัยนิยมของยุคนั้น “รูบิค” ถือได้ว่าเป็นของเล่นที่ขายได้มากที่สุดในโลก โดยมีจำนวนยอดขายรวมทั้งของแท้และเลียนแบบมากกว่า 300,000,000 ชิ้น
.
ปรากฏการณ์ “รูบิค” ซึ่งเป็นของเล่นที่ขายได้ 300 ล้านชิ้นแบบนี้ คงไม่เกิดขึ้นอีกแล้วในช่วงชีวิตของเรา
.
จากกรณี “รูบิค” สิ่งหนึ่งซึ่งผมจับสังเกตได้ก็คือ ดูเหมือนว่า วงการของเล่นโลกจะพัฒนาช้าลง เราไม่ค่อยพบของเล่นรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายนัก ผิดจากยุคก่อน
.
เพราะการพัฒนาของเล่น ต่างมุ่งไปสู่ระบบอิเล็คทรอนิคส์กันหมดแล้ว โดยเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน เคยมีผู้พัฒนา APP สำหรับเล่นเกม “รูบิค” บน iPhone แม้ภาพจะสวยและมีลูกเล่นที่น่าสนใจพอสมควร แต่ก็ยังถือว่าตัวเกมนั้นเล่นยากไปหน่อย ทว่าในช่วงเวลาขณะนั้น ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จกันไปพอประมาณ
.
แต่ในขณะนี้ ได้มีผู้ประกอบการหน้าใหม่ เป็นทีมงานที่ใช้ชื่อว่า GoCube ได้ค้นคิดนำ “รูบิค” กลับมาสู่หน้าจอมือถืออีกครั้ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ KickStarter บอกว่า GoCube เป็น The Classic Puzzle Reinvented
.
มาคราวนี้ GoCube ไม่เพียงพัฒนา APP เกม “รูบิค” บนมือถือทั้ง iPhone และ Android หากยังสร้างตัวของเล่นคือ “รูบิค” จริงๆ ที่สามารถหยิบจับขึ้นมา “บิด” ได้จริงๆ อีกด้วย
.
โดยมีการฝังระบบ Bluetooth ไว้ภายในก้อน “รูบิค” เมื่อเราเล่น “ลูกบิด” Smart Censors และ Embedded IMU ที่ติดตั้งไว้ใน “รูบิค” ก็จะส่งสัญญาณเข้าไปที่โทรศัพท์มือถือแบบ Realtime โดยทันที
.
พูดอีกแบบก็คือ ของเล่น “ลูกบิด 4.0” หรือ “รูบิค” ยี่ห้อ GoCube นั้น เมื่อเราเล่นบิดไปบิดมา ของจริงที่เราบิดในมือเป็นแบบไหน ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือผ่าน APP ของ GoCube ก็จะบิดตาม “รูบิค” ที่เราเล่น
.
และที่สำคัญก็คือ ทั้งหมดเป็นภาพ 3 มิติ หรือ 3D ที่สวยงามและสมจริง เนื่องจาก GoCube ได้ทำการ Sync ให้ “รูบิค” และ APP “รูบิค” ของ GoCube เชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่าง Smooth นั่นเอง
.
GoCube มีแผนสร้างเครือข่าย “รูบิค 4.0” และจะเดินหน้าพัฒนาของเล่นสุดคลาสสิคตัวนี้ต่อไปอีกทันทีที่ได้รับการระดมทุนจาก KickStarter ได้ครบตามเป้าซึ่งขณะนี้ได้เงินมาแล้ว 500,000 ดอลลาร์
.
โดยหวังจะต่อยอดไปสู่การขยายเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “รูบิค” ไม่ว่าจะเป็น “รูบิค” แบบต่างๆ รุ่นต่างๆ มากหน้าหลายตา หรือจะเป็นสินค้าอื่นที่พัฒนามาจาก “รูบิค” อาทิ เสื้อยืด กระเป๋า หมวก ผ้าพันคอ แก้วน้ำ ปากกา พวงกุญแจ ไฟฉาย ที่เขี่ยบุหรี่….