ช่วยเหลือคนอื่น คือ การพัฒนาตนเอง

By : Anon Pairot
ปรากฎการณ์ “หมูป่า” ในช่วงไม่นานมานี้ คุณสังเกตุเห็นอะไรหรือเปล่า?
“คอมพิวเตอร์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยนักประดิษฐ์เพียงคนเดียว”
“อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ คิดค้นโทรศัพท์ได้ จากแรงบันดาลใจที่เขาได้เริ่มกลับไปเยี่ยมแม่ที่มีปัญหาการได้ยิน และไปช่วยสอนคนหูหนวก” และ”กรุงโรมไม่สามารถสร้างขึ้นได้เพียงวันเดียว”
.
บนโลกนี้ มีการค้นพบใหม่ๆ มากมาย จากการไปช่วยคนอื่น หรือจากการที่มนุษย์ทั้งหลายคน มีจิตใจและแรงศรัทธาดีๆ จากหลากหลายความรู้มาร่วมช่วยกัน จึงค้นพบแนวคิดที่สร้างสรรค์และมุมมองใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ก็จากการต้องการแก้ปัญหาของสังคมหรือคนรอบข้างเนี่ยแหละครับ
เราอาจจะเคยเรียนมาว่า หลอดไฟ ที่โธมัส เอดิสัน คิดค้นมันเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลก แต่สำหรับผมแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงยุคสมัยนั้นจริงๆ คือ “ระบบการกระจายกระแสไฟฟ้าไปตามบ้านเรือนต่างหากที่เปลี่ยนแปลง การอยู่อาศัยจริงๆ” ความคิดที่อยากจะให้ทุกบ้านได้มีหลอดไฟแสงสว่างใช้อย่างสะดวกสบายในเวลาค่ำคืน แทนตะเกียงแก๊ส หรือการจุดไฟที่อาจจะอันตราย ไฟไหม้บ้าน เลยพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงให้กระจายไปทั่วเมืองได้เชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าได้จึงเกิดขึ้นต่อจากนั้น และเมื่อไฟฟ้าไปถึงทุกบ้านได้ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่เกิดมาอำนวยความสะดวกของทุกๆ ท่านในวันนี้ ก็เพราะระบบกระจายกระแสไฟฟ้านี่แหละครับ คือ กุญแจสำคัญ
.
คงมีหลายคนเลยใช่ไหมครับ? ที่ลองทำนู่นทำนี่ ฝึกนั่นฝึกนี่ ตามที่ตัวเองสนใจ ตามที่หนังสือดีๆ เค้าแนะนำกัน เพื่อให้ตัวเรานั้นมีทักษะหรือมีความสามารถพิเศษอะไรมากขึ้น แล้วก็แน่นอนเลยครับ หลายๆ สิ่งที่คุณเคยลองทำไปมีเยอะมากๆ เลยที่มันไม่เวิร์คกับตัวคุณเอง ไม่แปลกหรอกครับอานนท์เองก็เป็น ตั้งแต่ลองเต้น hip hop ลองหัดขี่ม้า ลองเล่นสเก็ตบอร์ด หัดมายากล และอีกหลายอย่างสารพัด ผมค้นพบคำตอบที่เจอบ่อยๆ มันไม่เข้ากับตัวผมจริงๆ เล้ยยย! เราต้องยอมรับว่า มันไม่ใช่เราเสียจริงๆ คุณก็เคยเป็นและเข้าใจความรู้สึกนี้กันใช่มั้ยล่ะครับ
.
แต่มีหนึ่งเคล็ดลับนะครับ ที่ผมอาจจะมาแบ่งปันในวันนี้ คือ “ลองหัดไปช่วยเหลือคนอื่น คุณอาจจะค้นพบศักยภาพคุณมี ที่คุณเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อนก็เป็นได้”
.
เอ… จะงงมั้ยครับเนี่ย
.
อย่าเพิ่งงงครับ… อธิบายง่ายๆ เลย คือ เวลาเราคิดจะหัดอะไรซักอย่าง ฝึกฝนอะไรซักอย่าง ตัวเราเองมักอาจจะคิดไปก่อนว่า เราน่าจะทำสิ่งนี้ได้ น่าจะทำเหมือนคนนั้นได้ น่าจะเป็นอย่างนู้นได้ ซึ่งไอ้ความน่าจะเป็นนี้แหละครับ ที่มันอาจจะทำให้ความเป็นไปได้ในความเป็นตัวเรามีแนวโน้มอย่างมากที่เหมือนจะไม่เวิร์ค ฉะนั้นเอง ในหลักการตรงกันข้าม ผมจึงอยากจะแนะนำน้องๆ หรือผู้อ่านตอนนี้ ว่าลอง ออกไปช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้อื่น หรือทำงานสาธารณะประโยชน์กันดู เผื่อคุณเองจะค้นพบความสามารถที่คุณมีในตัวคุณ โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ว่าคุณมีทักษะดีๆ นั้นอยู่ในตัว จนเมื่อคุณต้องรับมือกับเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่ได้คาดคิดไว้ ที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ ในเวลานั้นเอง สัญชาตญาณบางอย่างลึกๆ ที่แต่ละคนมี มันจะดึงเอาพื้นฐาน ทักษะบางอย่างที่คุณมองข้ามไป และไม่เคยคิดจะฝึกฝนมันเลย ออกมาใช้แก้ปัญหานั้นได้โดยอัตโนมัติ
.
ผมขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตัวผมเอง ที่ได้เรียนรู้อย่างมากจากการลองหัดไปช่วยผู้อื่นในเรื่องที่เขาต้องการความช่วยเหลือ และเรามีจังหวะและโอกาสนั้นพอดีที่จะได้ลองทำ ผมมักไม่ปฏิเสธเลยครับที่จะแบ่งเวลาการทำงานและชีวิตประจำวัน ไปยุ่งกับเรื่องที่คนอื่นร้องขอให้เราช่วย
.
ในตอนเด็กๆ ครับ เท่าที่ผมจำได้ ผมอ่อนวิชาคณิตศาสตร์มากๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าที่ครูสอนบนกระดานตามตำราเรียน ทำไมเราไม่เข้าใจสักที จนวันหนึ่งครับที่แม่ผมได้เริ่มหัดให้ผมมาช่วยเก็บเงิน ทอนเงิน เรียงของขึ้นชั้นวางสินค้า นับสต๊อกของที่ขายในร้าน
.
“ลูกอม 3 เม็ด ราคา 1 บาท”
คนมาซื้อของบอกผมตอนนั้นว่า
“ตี๋ หยิบลูกอมให้ 5 บาทที”
จำได้เลยครับ ผมงงเป็น ไก่ตาแตก
“มันต้องหยิบกี่เม็ดล่ะเนี่ย?”
ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจหรอกว่าสูตรคูณคืออะไร
ท่องไปทำไม ใช้ตอนไหน…
ในความไม่ฉลาดของผมที่คูณเลขยังไม่เป็น ผมก็ใช้วิธีหยิบลูกอม ออกมาทีละสามเม็ด
เค้าบอกเอา 5 บาท
ก็หยิบมาวางเป็น 5 กอง ให้กับเขา…
.
ยิ่งอยู่ช่วยแม่ขายของ เราก็เริ่มได้ใช้ทักษะคณิตศาสตร์ในทุกๆ วัน มันก็ยิ่งพัฒนาทักษะนี้ได้อย่างก้าวกระโดด
“ตี๋ขอโอเล่ 3 บาท ซูกัส 2 บาท ฮอลล์มะนาว 1 บาท เตรียมตังค์ทอนมาด้วย แบงค์ 20”
“ฝากทอนตังค์ที ไข่ไก่สามฟอง 5 บาท เขาซื้อโหลนึงทอนเงินด้วย จ่ายแบงค์ 50 มา”
“ฝากจัดน้ำอัดลมให้ลูกค้า 5 ลัง โค้ก ครึ่งนึง ที่เหลือ น้ำส้ม น้ำแดง น้ำเขียว สไปรท์อย่างละเท่าๆ กัน”
.
โจทย์คณิตศาสตร์ ถูกสั่งโดยแม่ และคนแปลกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว และก็ต้องรับมือ ไม่ให้ผิดพลาด
.
คำสั่งจากลูกค้าที่มาร้านบ้านผมมันซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้น รีบขึ้น จนการบ้านคณิตศาสตร์ของผม มันง่ายไปทันที ทั้งที่เวลาไปเรียนมันไม่เข้าสมองสักที มัวแต่นั่งอ่าน นั่งทบทวน ในช่วงเวลานั้น ผมถึง get จริงๆ ว่า ที่คุณครูเค้าสอนให้เอามาใช้ในชีวิตประจำวันคืออย่างไร ผมได้คำตอบจากการไปช่วยแม่…..ขายของ!!
.
มันทำให้ผมได้เรียนรู้ และมีทักษะใหม่ขึ้นเสมอ เวลาเราไม่ได้คิดจะเรียนรู้ หรือ ฝึกอะไร การไปช่วยเหลือคนอื่น เรามักได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรมากขึ้นเสมอ
.
ปรากฎการณ์ “13 คน ทีมหมูป่าติดถ้ำ” ก็เหมือนกันครับ เหตุการณ์นี้อาจจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราจะเห็นได้จากข่าวทั้งในประเทศและนอกประเทศเลยครับ ว่างานนี้ ต้องระดมใช้คนเก่งๆ จำนวนมากจากสาขาต่างๆ ทั้งคนในพื้นที่ คนเก่งจากสาขาต่างๆ มาระดมความคิดในการหาวิธีค้นหาและช่วยเหลือน้องๆ กันอย่างหลากหลายวิธี ซึ่งเราก็จะได้เรียนรู้อะไรหลายสิ่งจากเหตุการณ์นี้
.
รอบตัวเราก็เช่นเดียวกัน เราสามารถเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเราเองได้ จากการไปช่วยเหลือคนอื่นๆ ซึ่งเราจะค้นพบ ความคิดดีๆ ความรู้ใหม่ๆ จากเจตนาดีๆ ที่เรานั้นมี จากผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มาแบ่งปัน จากคนเก่งๆ ที่มาแนะนำเราและสอนเราให้เข้าใจเรื่องต่างๆ นั้นด้วยประสบการณ์จริง ซึ่งเราก็จะมีความคิดอันน่ามหัศจรรย์ จนได้เก็บมาฝึกฝนความรู้นั้นๆ ให้กลายเป็นทักษะ และความสามารถที่พิเศษ ที่แต่ละคนได้ออกไปพบเจอ ปัญหาและความต้องการการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนี่แหละ
.
ไปครับ!!! ออกไปทำอะไรดีๆ นอกบ้านกัน!
.
กำไรของการได้ไปช่วยคนอื่น อาจจะไม่ใช่เรื่องเงินทองที่จะตีค่าความคุ้มค่าการเสียเวลานั้นได้ แต่การหัดมีความคิดดีๆ เจตนาดีๆ ต่อผู้อื่นนี่แหละ คือกำไรมหาศาลของการเรียนรู้จักตนเอง ผ่านการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
นี่คือ ทักษะของมนุษย์ร่วมสมัยวันนี้ เราควรหัดมีจิตสำนึกร่วมกันเป็นบรรทัดฐานสังคม และนี่คือทักษะการพัฒนาตัวคนเองที่เยี่ยมยอดอย่างหนึ่งเลยครับ
รูปภาพ :ที่มา : https://gnews.apps.go.th/news?news=4018